ปรากฏการณ์ สุริยุปราคา “Solar eclipse” นั้น คือปรากฎการณ์ที่เงาของดวงจันทร์มาบังแสงจากดวงอาทิตย์ที่สองมายังโลก แต่..
รู้หรือไม่ว่า ปรากฎการณ์นี้ จะอยู่ได้ไม่เกิน 8 นาที เนื่องจากความเร็วของโลกที่โคจรรอบดวงอาทิตย์

เนื้อหา : brainpoweer.com

Tags : , , , , , , , , , , , , , , | add comments

หลาย ๆ ท่านคงได้ทราบข่าวเกี่ยวกับเด็กนักเรียน 7 คนที่ถ่ายรูปโชว์ส่วนสัด แล้วโพสต์รูปลงในเฟสบุ๊ค แล้วเกิดเป็นข่าวใหญ่โต เนื่องจากสังคมอินเตอร์เน็ตเป็นสังคมที่กว้างและรวดเร็ว จึงทำให้มีหน่วยงานราชการหลาย ๆ หน่วยงานต้องออกมาเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และพยายามที่จะแก้ปัญหา (ปลายเหตุ) หากเรามาลองทบทวนเหตุการณ์หรือภาพข่าวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมิวสิควีดีโอ คันหู ซึ่งเป็นที่แพร่หลายกันอยู่พักใหญ่ , คลิปเด็กหญิงกลุ่มหนึ่งที่รุมทำร้ายเด็กหญิงอีกหนึ่งคน ในห้องเรียน หรือแม้กระทั่งนักศึกษาหนุ่มที่ล่อลวงนิสิตที่รู้จักกันผ่านสังคมออนไลน์ ไปเรียกค่าไถ่ จนสุดท้ายนิสิตสาวก็ถูกฆ่าตาย จะพบว่าสังคมไทยกำลังเสื่อมลงเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าการปกครองทั้งในระดับครอบครัวและระดับประเทศเกิดปัญหาที่รุนแรง โดยไม่มีใครใส่ใจแก้ไขกันอย่างจริงจัง

การปกครองในระดับครอบครัว เรามักจะพบว่า ครอบครัวในยุคใหม่มักเป็นครอบครัวเดี่ยว พ่อแม่ทำงานทั้งสองคน ในช่วงวัยเด็กก่อนวัยเรียน เด็กก็จะอยู่กับพี่เลี้ยง ซึ่งมักตามใจเด็ก หากเขาอยากได้อะไรก็ต้องตามใจ หากขัดใจก็จะงอแง กรีดร้อง สิ่งที่เด็กจะได้เรียนรู้ ก็คือ ความงอแง หรือการกรีดร้องเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ หากครอบครัวใดมีลูกคนเดียว เด็กจะกลายเป็นผู้นำกฎในบ้าน นั่นคือเด็กสามารถจะทำทุกอย่างที่ตนเองต้องการ และไม่ทำทุก ๆ อย่างที่ตนเองไม่ต้องการ ทำให้กฎระเบียบภายในบ้าน ไม่สามารถนำมาใช้กับเจ้าตัวน้อยได้ หากปล่อยให้เด็กประพฤติตนในแบบดังกล่าว ก็จะกลายเป็นการบ่มเพาะนิสัยเอาแต่ใจตนเอง ยากในการปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่มีกฎระเบียบ หรือเมื่อเข้าโรงเรียนก็จะไม่เป็นที่ยอมรับให้เข้ากลุ่ม ซึ่งมีผลให้เด็กเก็บตัว หรือเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวขึ้น หากบางครอบครัวที่ไม่สามารถจ้างพี่เลี้ยงได้ ก็จำเป็นที่จะต้องส่งเข้าสถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน ซึ่งการส่งเด็กเข้าไปในสถานรับเลี้ยงเด็กนั้น อาจทำให้เขาเหล่านั้นมีทักษะทางสังคม และการใช้กล้ามเนื้อมือที่ดี แต่ในเวลาที่เขาอยู่กับพ่อแม่ อาจทำให้เขาเรียกร้องความสนใจ ซึ่งอาจแสดงออกมาในลักษณะของพฤติกรรมด้านลบ (บางรายอาจแกล้งพูดไม่ชัด , ทะเลาะกับเพื่อนหรือน้อง)หากพ่อแม่ไม่รู้เท่าทันไปตอบสนองกับความประพฤติในทางลบดังกล่าว ก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เด็กเกิดพฤติกรรมดังกล่าวมากขึ้น สิ่งที่ควรทำคือการเพิกเฉยต่อพฤติกรรมด้านลบ และให้คะแนนหรือคำชมกับพฤติกรรมทางบวก เนื่องจากเด็กก่อนวัยเรียนนั้นต้องการความรัก ความเอาใจใส่ ดูแลจากพ่อแม่ หากพฤติกรรมใด ได้รับความสนใจหรือการตอบสนองไม่ว่าจะบวกหรือลบ เขาถือว่ามันคือความสนใจที่เขาได้รับ

เรามักพบว่าในช่วงปฐมวัย เด็กจะบ่มเพาะพฤติกรรมที่เป็นพื้นฐานนิสัยเมื่อโตขึ้น เช่นหากพ่อแม่รู้ไม่เท่าทันพฤติกรรมการเรียกร้อยความสนใจ ความเอาใจใส่จากพ่อแม่ในทางลบ ก็จะบ่มเพาะให้เขาเป็นเด็กที่แสดงออกในด้านลบเพื่อให้ได้รับการตอบสนองในสิ่งที่เขาต้องการ เมื่อโตขึ้นในช่วงวัยรุ่นตอนต้น ซึ่งเป็นวัยที่เด็กมีความต้องการที่จะได้รับความสนใจจากพ่อแม่ก็น้อยลง แต่มีความต้องการการเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อนและสังคม เด็กก็เริ่มที่จะพยายามทำตัวเองให้เด่น เมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ในปัจจุบันเนื่องจากสิ่งเร้าในด้านลบมีมากมายมหาศาล การทำพฤติกรรมในด้านลบจึงดูเหมือนทำงานและได้ผลเร็วกว่าเด็กในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการบ่มเพาะให้มีความแข็งแรงทางด้านสำนึก ศีลธรรม และวัฒนธรรมในทางที่ดี ทำให้เด็กในกลุ่มนี้ขาดความยั้งคิดถึงการกระทำของตนว่าสมควรหรือไม่ ขอเพียงให้สิ่งที่ตนเองกระทำ ได้รับความสนใจจากกลุ่มเพื่อน หรือเป็นที่กล่าวขานก็พอใจแล้ว

กล่าวถึงการปกครองในระดับชาติ ในรัฐบาลต่อรัฐบาล ยังไม่เห็นการแก้ไขปัญหาทางด้านสังคม เยาวชน การศึกษาอย่างจริงจัง ทางภาครัฐมุ่งเน้นแต่ตัวเลขทางเศรษฐกิจ , ค่า GDP มองแต่ภาคอุตสาหกรรม (ซึ่งเราใช้เทคโนโลยีของต่างชาติ 100%) ลืมหันกลับมามองเรื่องของการศึกษาที่ล้มเหลว ต่อเมื่อมีข่าวฉาวหน่วยงานต่าง ๆ ก็จะลุกขึ้นมาวางกรอบแนวทางการแก้ไขในแต่ละครั้งโดยไม่คิดจริงจัง แล้วข่าวก็เงียบหายไป เหมือนสำนวนที่ว่า “วัวหายล้อมคอก”

หากเรายังคงปล่อยให้สังคมเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ โดยไม่คิดที่จะแก้ไขจากตัวเราเองและครอบครัวของเราก่อน ปล่อยการเลี้ยงดูลูกให้กับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เราก็ต้องยอมรับได้ว่าสังคมในอนาคตที่ลูกหลานของเราคงจะมีสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรุนแรงกว่าในปัจจุบันนี้เป็นแน่! หรืออาจจะมีโสเภณีในชุดนักเรียนเกลื่อนเมือง ขโมยที่มีเต็มบ้านเต็มเมือง สถานเริงรมย์ที่เปิดติดกับโรงเรียนอนุบาล มากขึ้นและมากขึ้นต่อไป

Tags : , , , , | add comments

จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึกออนไลน์
วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555
ไอคิว’สูง-ต่ำ’เด็กไทยเรื่อง(ไม่)เล็ก ที่ต้องใส่ใจ โดย…พิมพ์ชนก ศรเพชร

“เด็กไอคิวสูง หรือที่เรียกว่า “เด็กอัจฉริยะ” ภาษาวิชาการเรียกว่า “เด็กที่มีความสามารถพิเศษในระดับสูง” เป็นเด็กเรียนรู้ได้รวดเร็ว จำได้ดี จะจัดการเรียนการสอนเหมือนเด็กปกติไม่ได้ จะทำให้เด็กมีปัญหาและเกิดความกดดัน” ผศ.ดร.อุษณีย์ อนุรุทธ์วงศ์ ประธานศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพเด็ก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าว

ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาอัจฉริยภาพเด็ก บอกว่า “เด็กกลุ่มนี้เรียนรู้ได้เร็ว ครูควรเปลี่ยนการเรียนสอนให้ยากและท้าทายมากขึ้น แต่ใช้สาระการเรียนรู้เดียวกับเด็กอื่นๆ เขาจะได้ไม่รู้สึกเบื่อ ให้ความสำคัญเรื่องที่เขาสนใจนอกเหนือจากการเรียนและใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่ชอบ เพื่อลดความกดดัน เด็กกลุ่มนี้ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญดูแล ส่วนใหญ่ไอคิว 160 ขึ้นไป หรือเฉพาะกรณีที่ไอคิวสูงมาก มีความสามารถพิเศษโดดเด่นกว่าคนอื่น”
“ถ้าพูดถึงเด็กที่ไอคิวต่ำ จริงๆ แล้วต้องจัดการเรียนการสอนต่างจากเด็กคนอื่น เน้นการเรียนการสอนที่ง่าย สอนซ้ำหลายๆ ครั้ง มีการสอนหลากหลาย ชัดเจน เข้าใจง่าย และต้องให้เวลาด้วย เพราะเขาต้องใช้เวลาเรียนรู้นาน จะประเมินผลร่วมกับเด็กอื่นไม่ได้ ควรประเมินตามศักยภาพของเขา เพื่อจะได้เห็นพัฒนาการที่แท้จริง”

นอกเหนือจากการเรียน กิจกรรมที่ส่งเสริมความสามารถของเด็ก อย่าง “ดนตรี ศิลปะ กีฬา เป็นอีกทักษะที่ต้องให้ความสำคัญ” ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาอัจฉริยภาพเด็ก เน้นย้ำ

เพลงโมสาร์ท หรือเพลงบรรเลง ทำให้คลื่นสมองเปลี่ยนแปลง เกิดคลื่นอัลฟา เมื่อเด็กได้ฟัง สมองเขาจะผ่อนคลาย แล้วมีสมาธิมากขึ้นถึงในระดับที่ดีมาก เห็นมั้ยว่าดนตรีมีส่วนทำให้เด็กมีสมาธิ สามารถเรียนรู้และจดจำได้รวดเร็วขึ้น

กีฬามีส่วนพัฒนาระดับสติปัญญาของเด็ก เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำทำให้สมองตื่นตัว แข็งแรง เมื่อสุขภาพจิตดีเด็กก็มีการเรียนรู้ดีขึ้น ด้านศิลปะมีส่วนช่วยในการพัฒนาอารมณ์และเป็นตัวแทนด้านความคิดจิตใจ ที่สำคัญทำให้เด็กมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย

“อยากฝากถึงภาครัฐ ครูผู้สอน ผู้บริหาร เปลี่ยนทัศนคติและทำความเข้าใจใหม่ เพราะปัจจุบันมีการจัดการเรียนสอนแบบขนมชั้น ไล่ระดับชั้นไปเรื่อยๆ ไม่มีการซ้ำชั้น เหมือนถูกผลักไปเรื่อยๆ ตามชั้นเรียนต่างๆ ปัจจุบันพบว่า มีเด็ก ป.6 อ่านหนังสือไม่คล่อง เห็นมั้ยว่าเกิดปัญหาแล้ว ควรให้เด็กได้รับการศึกษาตามศักยภาพและระดับการเรียนรู้ จัดให้มีการทดสอบก่อนเรียน จัดการเรียนการสอนให้ตรงกับระดับสติปัญญาและความสามารถของเด็ก” ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาอัจฉริยภาพเด็ก กล่าวทิ้งท้าย

นพ.อภิชัย มงคล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “จากการสำรวจระดับไอคิวเด็กอายุ 6-15 ปี เมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว ไอคิวเฉลี่ยเด็กไทยอยู่ที่ 91 ปัจจุบันไอคิวเฉลี่ยอยู่ที่ 98.59 ถึงจะเพิ่มขึ้น แต่ไม่ถึงเกณฑ์ที่ควรเป็นไปตามมาตรฐานโลก เฉลี่ยอยู่ที่ 100 แม้ว่าระดับไอคิวใกล้เกณฑ์มาตรฐาน แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำและน่าเป็นห่วง”

คุณหมอบอกอีกว่า องค์การยูนิเซฟและองค์การอนามัยโลกกล่าวถึงการพัฒนาสติปัญญาทำได้ 3 ปัจจัย คือ การบริโภคเกลือไอโอดีน การพัฒนาการเลี้ยงดูของครอบครัว ปัจจัยสุดท้ายคือ การพัฒนาการเรียนการสอน แต่ที่ทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ การบริโภคเกลือที่มีไอโอดีน เกลือไอโอดีนมีความสำคัญต่อการพัฒนาเซลล์สมอง ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ถ้าไม่ได้รับไอโอดีนที่เพียงพอก็จะทำให้สมองหยุดการพัฒนา ทำให้ระดับการเรียนรู้ไม่ดี ถ้าขาดไอโอดีนมากก็จะทำให้เกิดอาการผิดปกติของร่างกายและสติปัญญา ระดับไอโอดีนที่ควรได้รับนั้นมีปริมาณน้อย แต่ไอโอดีนไม่สามารถสะสมในร่างกายได้นาน จึงต้องบริโภคไอโอดีนเป็นประจำทุกวัน

พญ.พรรณพิมล หล่อตระกูล ผอ.สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ปัจจัยพื้นฐานของการพัฒนาระดับสติปัญญาของเด็ก คือ อาหารและสุขภาพ เด็กต้องได้รับอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสมองและพัฒนาการเรียนรู้ ส่วนเรื่องสุขภาพต้องได้รับการดูแลตั้งแต่ในครรภ์ สมองและร่างกายต้องไม่ได้รับการกระทบกระเทือน จนเป็นปัญหาสุขภาพส่งผลต่อการพัฒนาสติปัญญา”

คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านดูแลเด็ก บอกด้วยว่า เด็กแต่ละคนมีระดับสติปัญญาและความสามารถในการเรียนรู้ไม่เท่ากัน คนที่อยู่กับเด็กต้องมีความรู้ ความเข้าใจ พัฒนาให้เขามีการตอบสนองต่อการเรียนรู้ มีสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาการเรียนรู้ มีสื่อ กิจกรรมที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มทักษะด้านต่างๆให้กับเด็ก

สาเหตุที่ทำให้สติปัญญาเด็กหยุดพัฒนา คือ สมองได้รับความกระทบกระเทือน หรือป่วยจากโรคที่ส่งผลต่อภาวะทางสมอง อย่างเช่น โรคไข้สมองอักเสบ ที่อาจทำให้สมองหยุดการเรียนรู้ไป ถึงจะฟื้นกลับมาได้ แต่ไม่ปกติเท่าเดิม

“การฟื้นฟูส่วนใหญ่เป็นการกระตุ้นพัฒนาการเด็ก อย่างพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อ ต้องทำให้สมรรถภาพการทำงานกับประสาทสัมพันธ์กัน “การเล่น” กับเด็กเป็นสิ่งคู่กัน ช่วยคลายความเครียด ทำให้ผ่อนคลายและสร้างจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ให้ตัวเด็กด้วย” คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านดูแลเด็ก กล่าว

เด็กที่ไม่ได้รับการพัฒนาระดับสติปัญญาและส่งเสริมความรู้ความสามารถให้ถูกทางถือว่าเป็นการเสียโอกาส เพราะการพัฒนาการเรียนรู้เป็นพื้นฐานที่เด็กต้องได้รับ เพียงแต่ อย่าละเลยการส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ตามวัย เด็กจะได้เติบโตขึ้น เป็นกำลังสำคัญที่พัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

Tags : , , , , , , | add comments

เมื่อเด็กก้าวเข้าสู่ตอนปลายอนุบาล 3 จะเป็นช่วงที่เด็กจะต้องมีการฝึกอ่าน และเขียนให้คล่องแคล่วมากขึ้น การฝึกในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ต้องจัดกิจกรรมการอ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ระบบโรงเรียนที่เป็นแบบปกติ นั่นคือโรงเรียนที่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก ซึ่งภาษาไทยจะเป็นแกนกลางของการอ่านในทุก ๆ วิชา ในช่วงแรกต้องให้เด็กสามารถอ่านตัวหนังสือที่มีแต่สระโดยไม่มีตัวสะกดและวรรณยุกต์ แล้วค่อย ๆ เพิ่มตัวสะกด และวรรณยุกต์ หรืออาจจะทำเป็น flash card สระ แล้วให้คิดตัวพยัญชนะใส่เข้าไป แล้วออกเสียงให้ถูกต้อง หรืออาจเล่นเกมส์ต่อคำโดยให้เป็นคำพ้องเสียง ในเวลาที่อยู่ในรถ ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่สามารถอ่านหรือเขียนได้ ก็ใช้เป็นความคิดแทน
สำหรับเด็กที่เรียนในโรงเรียนสองภาษาก็จะต้องเน้นทั้งสองภาษา การเรียนภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพในเรื่องของการอ่าน ระบบที่จะทำให้เด็กสามารถอ่านได้เร็วที่สุด ก็คือ phonics เนื่องจากเป็นการจำรูปแบบของการวางสระ ซึ่งมีเพียง 5 ตัวแต่สามารถแบ่งออกเป็น สระเสียงสั้น (short vowel sound) และ สระเสียงยาว (long vowel sound) ได้ขึ้นอยู่กับแบบรูปที่วาง โดยเด็กจะต้องผ่านเสียงของพยัญชนะทั้งหมดก่อน เพื่อให้สามารถอกเสียงทั้ง เสียงต้น (beginning sound) และเสียงท้าย (ending sound) ต่อมาก็ แล้วจึงจะเข้าสู่การเรียนสระเสียงสั้น และต้องเพิ่ม sight word บางคำ ซึ่งไม่เข้ากฏของ phonics เมื่อสิ้นสุดสระเสียงสั้นทั้งหมด เด็กก็จะสามารถอ่านได้บ้างแล้ว (เราสามารถเลือกหนังสือ หรือบทความสั้น ๆ ให้หัดอ่านได้จาก website ซึ่งบางเว็บสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งภาพและเสียง) และต่อมาก็ยังเป็นช่วงของสะเสียงยาว , r-controlled soundในช่วงนี้พ่อแม่ผู้ปกครองหลาย ๆ คนมักจะประเมินว่าตนเองนั้นไม่สามารถให้ความรู้หรือสอนลูกได้ แต่ความจริงแล้ว เราไม่ได้เป็นตัวหลักเพียงแต่เป็นตัวช่วย และนอกจากนี้แล้วยังมีแหล่งข้อมูลใน website ต่าง ๆ มากมายที่จะเป็นฐานข้อมูลให้เราได้ และผลที่เราจะได้รับก็คือ ทำให้กระบวนการในการอ่านไปได้เร็วมากขึ้น สร้างความมั่นใจ และทัศนคติที่ดีกับการเรียน เนื่องจากในการเรียนแบบสองภาษา ก็จะใช้ภาษาอังกฤษเป็นแกนกลางในการเรียนหลาย ๆ วิชา หรืออาจจะทุกวิชาเลยก็ได้
เรามักพบว่าเด็กที่มีพัฒนาการในการอ่านช้า จะทำให้ไม่มีความกระตือรือร้นในการเรียน ดังนั้นในช่วงของการฝึกอ่าน ฝึกสะกดจะเป็นช่วงที่สำคัญที่จะทำให้เด็กแต่ละคนมีทัศนคติที่ดีการเรียนหรือไม่ หากทัศนคติในการเรียนไม่ดี มันจะทำให้เขาหันเหความสนใจไปในเรื่องอื่น ซึ่งในยุคสมัยนี้มีสิ่งเร้ามากมาย ซึ่งมักจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความคิดที่ไม่ดีมากกว่าการทำดี เป็นการตัดโอกาสของตนเองที่จะก้าวไปในอนาคตที่ดี
ในทางกลับกันเด็กที่ได้รับการฝึก การพัฒนาการอ่านที่ดี เขาจะ สามารถอ่านประโยคสั้น ๆ ได้แล้ว คราวนี้ก็ต้องฝึกให้หัดแบ่งวรรคตอน เพื่อการจับใจความ ซึ่งโจทย์ทางคณิตศาสตร์นั้นจะต้องอ่านโดยเว้นวรรคตอนให้ดี เขาถึงจะสามารถจับใจความได้ว่าโจทย์ดังกล่าวให้อะไรมาบ้าง แล้วตีความได้ว่าโจทย์ต้องการอะไร เมื่อฝึกบ่อย ๆ
เขาก็จะมีประสบการณ์ที่จะตีความได้ด้วยตนเอง จากข้างต้นท่านผู้ปกครองจะเห็นได้ว่า การอ่านเป็นส่วนสำคัญและมีผลอย่างยิ่งต่อการเรียนคณิตศาสตร์ หากท่านผู้ปกครองต้องการให้ลูก ๆ หลาน ๆ เก่งคณิตศาสตร์ ท่านก็จำเป็นต้องส่งเสริมเด็ก ๆ ในเรื่องการอ่านและการตีความด้วยเช่นกัน

ครูจา

Tags : , , , , , | add comments