Jan 28
Posted by malinee on Tuesday Jan 28, 2014 Under เกร็ดความรู้
ในการเรียนของเด็กตั้งแต่อนุบาลนั้น เด็ก ๆ จะต้องเรียนรู้ทั้งภาษา และ จำนวน (คณิตศาสตร์) การเรียนโดยทั่วไปของการเรียนภาษา ก็จะต้องเริ่มต้นให้เด็กท่องจำ พยัญชนะในภาษาต่าง ๆ ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ก่อนที่เด็กจะสามารถอ่านออกเขียนได้ เด็ก ๆ จำเป็นที่จะต้องฝึกทักษะการอ่านจากการสะกดคำแบบค่อยเป็นค่อยไป
เช่นเดียวกับการเรียนภาษา การเรียนคณิตศาสตร์ในช่วงต้น ๆ ของชีวิต แน่นอน เด็ก ๆ จะต้องรู้จักจำนวนก่อน โดยที่จะต้องมีการเชื่อมโยงสัญลักษณ์ (ตัวเลข) กับจำนวนให้ถูกต้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยมีการบวก การลบตามมาทีหลัง
ในการเรียนคณิตศาสตร์นั้น จะมีวิธีคิดหลาย ๆ วิธีที่ให้ได้คำตอบเดียวกัน เช่นเดียวกับการเดินทางให้ถึงจุดหมาย โดยที่แต่ละคนจะมีการเลือกใช้พาหนะที่แตกต่างกัน แต่ก็ไปถึงจุดหมายเดียวกันได้ โดยสิ่งที่แตกต่างกันก็คือเรื่องของเวลาเท่านั้น การเรียนคณิตศาสตร์ในโรงเรียน โดยทั่วไปจะมีการเชื่อมโยงจำนวนให้เป็นรูปธรรมโดยใช้นิ้ว (เป็นเครื่องมือที่อยู่กับเด็ก ๆ ตลอดเวลา) เช่นเดียวกับการบวก-ลบ เด็ก ๆ ก็จะถูกสอนให้ใช้นิ้วเป็นเครื่องมือช่วยคิด ซึ่งก็สามารถหาคำตอบในเรื่องการคำนวณได้เช่นกัน
ส่วนจินตคณิตนั้น เป็นการใช้ลูกคิดเป็นเครื่องมือ ซึ่งก่อนที่เด็กจะสามารถใช้ในการบวก-ลบได้คล่อง ก็ต่อเมื่อเขาเรียนรู้การใช้ลูกคิดได้ครบทุกสูตร แต่หากเด็กที่ถูกฝึกให้ใช้นิ้วเป็นเครื่องมือจนคล่องแล้ว มักคุ้นกับการนับนิ้ว (ซึ่งถูกฝึกในการเรียนทุกวัน) และการเรียนจินตคณิตไม่ได้มีใช้ในโรงเรียน มีผลให้เด็ก ๆ ไม่เอาใจใส่ต่อการบ้านที่ให้ทำเพื่อฝึกฝนระหว่างสัปดาห์ (ที่เรียนเพียงสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น) หากพ่อแม่ผู้ปกครองต้องการให้เด็ก ๆ เรียนจินตคณิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องมีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ดังนั้นทางโรงเรียนหรือครูจะต้องทำความเข้าใจกับนักเรียนและผู้ปกครองให้ตระหนักถึงความสำคัญของการทำการบ้าน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ฝึกทักษะการใช้ลูกคิดให้คล่องและเมื่อถึงช่วงของการจินตนาการ ก็สามารถที่จะคำนวณได้อย่างถูกต้องและแม่นยำในที่สุด
ครูจา
Jan 19
มักมีคำถามจากผู้ปกครองหลาย ๆ ท่านว่าการเรียนจินตคณิตจะช่วยส่งเสริมการเรียนคณิตศาสตร์ในโรงเรียนของบุตรหลานได้หรือไม่? ผู้ปกครองทุก ๆ คนที่ส่งบุตรหลานเข้าเรียนไม่ว่าจะเป็นวิชาใด สถาบันใด ย่อมต้องหวังว่าจะช่วยให้เด็กมีความเข้าใจในชั้นเรียน และคาดหวังว่าจะทำให้เด็กได้คะแนนที่ขึ้นในโรงเรียน ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีความคาดหวังดังกล่าว หากแต่เราต้องทำความเข้าใจในเรื่องจินตคณิตกันมากขึ้น
การเรียนจินตคณิตด้วยลูกคิดนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในช่วงอายุใด เราจำเป็นที่จะต้องเริ่มสอนเด็กตั้งแต่การบวก-ลบ ขั้นพื้นฐานเพื่อเป็นการฝึกใช้ลูกคิดเป็นขั้นเป็นตอนแบบค่อยเป็นค่อยไป เมื่อเทียบกับการเรียนในโรงเรียนแล้วเด็กเรียนลูกคิดในเล่มแรก ๆ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการเรียนคณิตศาสตร์ในโรงเรียน ก็อยุ่ในระดับชั้น ป.1 (มีการบวก-ลบไม่เกิน 100) ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้เด็กที่อยู่ในระดับของการเรียนในโรงเรียนที่สูงกว่า ป.1 จะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่เขาไม่จำเป็นต้องใช้ลูกคิดที่ดูยุ่งยากและซับซ้อนมาเป็นเครื่องช่วย เช่นเดียวกับผู้ปกครองที่คาดหวังว่าลูกจะต้องคิดเลขได้ถูกต้องแม่นยำในช่วงเวลาสั้น ๆ
ในทางกลับกัน หากผู้ปกครองดูแลเอาใจใส่ ให้เด็กได้ฝึกทักษะการใช้ลูกคิดอย่างต่อเนื่อง จะทำให้บุตรหลานมีทักษะการใช้ลูกคิด (การเลือกใช้สูตรในการคิดเลข) ที่ดี และสามารถจินตนาการได้อย่างไม่ยากเย็นนัก หลังจากที่เด็กสามารถคิดเลขบวก-ลบ โดยการใช้จินตนาการแล้ว หลังจากนั้นเด็ก ๆ จะมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด นั้นคือการเรียนในลำดับต่อไปคือการเรียนการคูณ และการหารตามลำดับ (เทียบเท่ากับการเรียนในชั้น ป.3 –4 ในโรงเรียน)
ดังนั้นหากคุณพ่อ คุณแม่ สนใจให้เด็ก ๆ เรียนจินตคณิตในช่วง ป. 2 – 3 จึงต้องอดทน รอคอยเพื่อให้บุตรหลานได้ฝึกทักษะการใช้ลูกคิดให้แม่นยำ เพื่อให้เขาได้มีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดในเวลาต่อไป
ครูจา
Jan 07
ในการเรียนคณิตศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในแนวใด ๆ เด็กทุกคนจะต้องเริ่มต้นพื้นฐานการบวก ลบก่อน ต่อจากนั้นในช่วงระดับชั้นประถมปีที่ 2 ก็จะเข้าสู่เนื้อหาของการคูณ และ การหาร ซึ่งในเบื้องต้นเป็นการปูพื้นฐานความเข้าใจให้เด็กได้เข้าใจว่าการคูณนั้นคือการบวกเลขซ้ำ ๆ และการหารคือการลบเลขซ้ำ ๆ กันนั่นเอง
หลังจากการเรียนให้เข้าใจเรื่องของการคูณ-หาร แล้วเด็ก ๆ ก็จะต้องใช้สูตรคูณในการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ซึ่งมีเรื่องการคูณ-หารเป็นพื้นฐานในการเรียนคณิตศาสตร์ในระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นจะเห็นว่าพ่อแม่ ผู้ปกครองจะมีส่วนช่วยผลักดันให้เด็กได้มีทัศนคติที่ดี หรือไม่กลัวคณิตศาสตร์นั้น เราจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมให้น้อง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้น หากเราเริ่มต้นเร็ว เด็ก ๆ ก็จะไม่มีแรงกดดันเรื่องเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเรียนโดยที่เขายังไม่ถูกเตรียมความพร้อมมา การท่องสูตรคูณ 12 แม่ในช่วงเวลาสั้น ๆ จะทำให้เขารู้สึกว่าเขาถูกบีบให้ต้องจำในช่วงเวลาที่จำกัด
เช่นเดียวกับการเรียนจินตคณิต เมื่อเด็กสามารถจินตนาการการบวก-ลบ จนคล่องในระดับหนึ่งแล้ว การเรียนในขั้นต่อไปคือการเรียนคูณ-หาร ซึ่งก็หนีไม่พ้นเรื่องการใช้สูตรคูณ เด็กส่วนใหญ่ที่ถูกเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดีในเรื่องของการท่องสูตรคูณ จะสามารถเรียนรู้ และมีความเข้าใจการเรียนได้เป็นอย่างดี และเมื่อถึงขั้นจินตนาการ เขาจะสามารถทำโจทย์ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเด็กที่ไม่ได้ท่องสูตรคูณ จะไม่สามารถเรียนได้ เพียงแต่ประสิทธิผลที่ได้จะช้ากว่ามาก และอาจส่งผลให้เด็กมีความรู้สึกในเชิงลบกับการเรียนคูณ-หาร เนื่องจากเขาไม่สามารถท่องสูตรคูณได้
ดังนั้นคุณพ่อ คุณแม่ ควรจะมีการเตรียมความพร้อมของลูกน้อยในช่วงปฐมวัย เพื่อเป็นการปูพื้นฐานและสร้างทัศนคติเชิงบวกให้กับบุตรหลานในการเรียน หลังจากที่เขามีพื้นฐานการเรียนที่ดี ประกอบกับวัยที่โตขึ้นแล้ว เขาก็จะมีกระบวนการเรียนรู้ของตนเอง โดยที่ความต้องการในการดูแลก็จะน้อยลงตามลำดับ
ครู จา