น้ำท่วม 2554

Posted by malinee on Saturday Oct 15, 2011 Under เกร็ดความรู้

ในช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ข่าวสารที่เป็นที่กล่าวขานมากที่สุดก็เห็นจะไม่พ้นเรื่องของน้ำท่วม ซึ่งแท้ที่จริงแล้วนั้น เหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ไม่ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นกับคนรอบนอกหรือในต่างจังหวัดเป็นเวลาร่วม 3 เดือนแล้ว เพียงแต่ว่ากระแสของข่าวไม่มากระทบกระเทือนกับชาวกรุงเทพเท่าใดนัก นั่นเป็นเพราะว่ามีความรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว ต่อเมื่อกระแสน้ำที่เชียวกราก ผสมกับปริมาณน้ำฝน คลุกเคล้าจนได้ที่กับน้ำทะเลหนุน จึงทำให้เกิดเมนูอาหารเช้าของทีมข่าวต่าง ๆ ทุกค่ายที่จะต้องเสริฟทุก ๆ ครอบครัวหลังจากลืมตาขึ้นในวันใหม่

จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในเรื่องของกระแสน้ำที่บุกทำความเสียหายให้กับพื้นที่ในวงกว้าง ทั้งในส่วนของเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมเป็นเงินมหาศาลในครั้งนี้ สิ่งที่เราหลาย ๆ คนได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน หากเราคิดทบทวนดี ๆ แล้วมันเป็นเครื่องเตือนหรือเป็นครูที่สอนบทเรียนต่าง ๆ ให้กับเราได้มากมาย เพียงแต่ว่าบทเรียนในครั้งนี้ต้องแลกมาด้วยน้ำตาของมวลชนทั้งเจ้าของกิจการ โรงงานอุตสาหกรรม เกษตรกร และรวมไปถึงหยาดเหงื่อของชายชาติทหารที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังทุก ๆ นาย สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องรางบอกเหตุให้เราทุกคนพึงระวังตนเอง ไม่ให้ใช้ชีวิตที่ตั้งอยู่บนความประมาท ปัญหาหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นภายในสังคม อย่าคิดว่าเป็นสิ่งที่ไกลตัว อย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดน้ำท่วมเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาที่ จ. นครสวรรค์ สิงห์บุรี ลพบุรี ไม่มีใครคาดคิดว่าบัดนี้มวลกระแสน้ำดังกล่าวกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพ ด้วยเหตุปัจจัยต่าง ๆ เช่นเดียวกันปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคม การศึกษา ที่คนที่มีฐานะ และสถานภาพทางสังคมที่ดี มักคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ต่อเมื่อวันหนึ่งที่ตนเองเป็นเหยื่อของมหันตภัย จึงจะรู้สึกหรือต้องการการแก้ไข ปรับปรุง และดูแล

หากทุกคนมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พร้อมที่จะเผชิญหน้า เสียสละและร่วมมือกัน ปัญหาต่าง ๆ ก็จะสามารถคลี่คลาย หรือ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรง เพื่อเพิ่มปัญหาให้เกิดความยากลำบากในการแก้ไขมากขึ้น
สุดท้ายนี้ขอองค์พระสยามเทวาธิราช ปกปักษ์ รักษา ปัดเป่า ให้ภัยธรรมชาติครั้งนี้ผ่านพ้นไปให้เร็วที่สุดด้วยเทอญ

Tags : , , , , , , , , , , , , | add comments

เด็กยุคใหม่หัวใจอินเตอร์ ร้อยละ 70 – 80 ของครอบครัวยุคนี้ เปิดโอกาสให้ลูกหลานของตัวเองได้ใช้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีสูงกันอย่างกว้างขวางไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กอนุบาล ทำให้คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับคุณค่าของสิ่งของนอกกายมากกว่าคุณค่าทางจิตใจ ซึ่งหากพ่อแม่ผู้ปกครองสามารถให้ความรู้ความเข้าใจในการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ ได้รู้เท่าทันและรู้จักเลือกใช้ไปในทางสร้างสรรค์ เช่นเพื่อการหาข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ก็จะทำให้เด็ก ๆ ได้รับประโยชน์สูงสุดจากเครื่องมือดังกล่าว แต่เท่าที่เห็นในสังคมไทยเรานั้น การมีเทคโนโลยีดังกล่าว ก็เพียงเพื่อให้ตนเองได้ใช้มันเป็นสิ่งที่เชิดหน้าชูตาตนเองว่า “เราก็มีเหมือนกับคนอื่น ๆ” ซึ่งแท้จริงแล้วถามว่าได้นำเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์นั้น ๆ ไปใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่ากับราคาแล้วหรือยัง? หรือเพียงแต่ถือพกให้ดูโก้เก๋เท่านั้น ซึ่งค่านิยมดังกล่าวนี้เป็นเพียงเปลือกให้กับคนที่ไม่มีหลักยึดใดๆ จำเป็นต้องอาศัยทรัพย์สมบัติหรือสิ่งของต่าง ๆ เหล่านี้เพื่อให้ตนเองมีความรู้สึกว่าตนเองก็เป็นส่วนหนึ่งในสังคม เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปก็จะต้องพยายามที่เกาะติดสถานการณ์ไม่ให้หลุดกระแสนิยม ทำให้ประเทศไทยต้องนำเข้าเทคโนโลยีต่าง ๆ มาจากต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา และไทยก็เสียดุลการค้าตลอดเวลาเช่นกัน
ค่านิยมของเด็กรุ่นใหม่ก็เช่นกัน เด็กรุ่นใหม่เกิดอยู่บนสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสรรพ หนำซ้ำบางบ้านยังมีพี่เลี้ยงคอยประเคนทำทุกอย่างให้ เวลาที่เด็กอยากได้อะไรก็ได้มาโดยง่าย ทำให้เด็กในปัจจุบันส่วนใหญ่ขาดความพยายาม และความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ ขาดความอยากรู้อยากเห็น เพราะมุ่งความสนใจของตนเองไปอยู่กับเฟอร์นิเจอร์ที่มาประดับตกแต่งตนเองให้ดูดี สิ่งเหล่านี้เกิดเพียงเพราะผู้ใหญ่ปลูกฝังค่านิยมที่ผิดๆ ให้กับเค้าตั้งแต่ในวัยเด็กโดยไม่รู้ตัว หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ครั้นเมื่อเด็กเข้าสู่ระบบการเรียนที่ยากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ผู้ปกครองไม่ได้สอนให้เด็กคิดอย่างเป็นระบบอย่างเป็นเหตุเป็นผล เด็กก็ไม่ยอมคิดและมองไม่เห็นประโยชน์ในการเรียน เด็กเห็นแต่สิ่งของมีค่านอกกายให้ความสำคัญกับวัตถุนิยมภายนอก เด็กจึงเกิดความเบื่อหน่าย ท้อแท้ในการเรียน ปัญหาที่ตามคือปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม และทวีความรุนแรงเป็นปัญหาสังคมที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่ใครจะมาแก้ไขทันเพราะมันกลายเป็นปมขนาดใหญ่ที่ถูกมัดติดกันหลายๆ ครั้งจนยากที่จะแก้ไข
ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้เราสามารถร่วมมือกันแก้ไขได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ โดยผู้ใหญ่จะต้องตระหนักว่าลูกหลานของเราจะต้องเติบโตขึ้นเพื่อเป็นผู้ใหญ่ต่อไปในอนาคต และหากพวกเขาเหล่านั้นติดอยู่กับเทคโนโลยีที่เราจะต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศตลอดเวลาเช่นนั้น แล้วประเทศจะเหลืออะไร อนาคตลูกหลานเราจะเป็นอย่างไร ดังนั้นสิ่งที่พอจะทำได้ในฐานะของผู้ใหญ่ คือ เปลี่ยนวิถีชีวิตให้กลับมาเป็นแบบพึ่งตนเองและพอเพียง
……………….อนาคตของประเทศชาติและลูกหลานของเราอยู่ในมือของเราทุกคน…………………….

Tags : , , , , , , , , , , , , | add comments