May 29
ในยุคปัจจุบันที่เป็นยุคโลกาภิวัฒน์ (Globalization) ทำให้โลกดูแคบลง วิวัฒนาการรวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ มีการแผ่ขยายไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว การเชื่อมโยงกันอย่างไร้พรมแดนส่งผลให้การใช้เวลาในการหาข้อมูล การติดต่อสื่อสารได้แม่นยำและรวดเร็ว แต่ในทางกลับกัน การรับเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เราให้เวลาในการศึกษาถึงผลดี ผลเสียน้อยเกินไปจนทำให้เกิดผลเสีย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็คือ เกมส์
เกมส์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มของเด็กในยุคปัจจุบัน คือเกมส์ที่ผู้เล่นมักเป็นตัวทำลายล้าง หรือ โจรปล้นธนาคาร ที่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหนีตำรวจ หรือแม้กระทั่งการยิงตำรวจเพื่อให้ได้แต้มมา ในเกมส์จะสอนวิธีการปล้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เมื่อเด็กได้เริ่มเล่น ในช่วงแรกจะเป็นการเรียนรู้วิธีเล่นจนรู้สึกสนุก จนเกิดการหล่อหลอมจนเด็กเป็นเด็กที่ก้าวร้าวโดยไม่รู้ตัว พ่อแม่ผู้ปกครองก็ปล่อยปละละเลย เพราะถือว่าเป็นเพียงเรื่องในเกมส์ จนกระทั่งการหล่อหลอมนานวันเข้า จนความก้าวร้าวกลายเป็นนิสัยของเด็กโดยที่พ่อแม่หลายๆ ครอบครัวไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ไม่สามารถดึงเด็กออกจากเกมส์ได้ ไม่สามารถใช้เหตุผลกับเค้าได้ ก็ได้แต่มานึกเสียใจกับการหาเพื่อน (ผู้ก้าวร้าว) ให้กับลูกในวันที่ผ่านมา
อย่าให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับครอบครัวของใครเพิ่มขึ้นอีกเลย มิฉะนั้นสังคมเมืองไทยจะกลายเป็นสังคมแห่งความก้าวร้าว เห็นแก่ตัว ในอนาคตอันสั้นไม่นาน
ครูจา
May 16
หลายๆ ท่านน่าจะได้รับข่าวสารเกี่ยวกับการทุจริตการสอบคัดเลือกคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทย์ศาสตร์ และเภสัชศาตร์ ในวันที่ 7 – 8 พ.ย. ที่ผ่านมา ของมหาวิทยาลัยรังสิต โดยมีการใช้อุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์ นั่นคือการติดกล้องไว้กับแว่นตาเพื่อถ่ายภาพข้อสอบ และมีการส่งคำตอบกลับไปยังนาฬิกาข้อมือ ซึ่งทางสถาบันกวดวิชาจะมีการรับรองผล โดยที่ผู้เข้าสอบจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเบื้องต้นคือ นาฬิกาเป็นเงิน 50,000 บาท แล้วหลังจากที่มีการประกาศผลสอบแล้ว ผู้เข้าสอบต้องชำระอีกเป็นจำนวนเงิน 800,000 บาท ซึ่งทางสถาบันกวดวิชามีการรับรองผลในการสอบทั้งสามคณะ ได้แน่นอน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว มันสามารถแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของสถาบันกวดวิชา ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถสูง แต่ขาดจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพ ซึ่ง 3 คณะดังกล่าวเป็นคณะที่เมื่อจบการศึกษาแล้ว จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตคนทั้งสิ้น หากจะกล่าวว่าทางสถาบันรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะถึงขนาดฉลาดใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยได้อย่างแยบยลเช่นนี้ อีกส่วนก็เป็นส่วนของพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งแน่นอนต้องเป็นผู้ที่ชำระเงินตามที่ทางสถาบันกวดวิชาเป็นผู้เรียกเก็บในอัตราที่สูงลิบลิ่ว หากการทุจริตครั้งนี้สำเร็จ แน่ใจหรือว่าบุตรหลานจะสามารถเรียนได้ หากเรียนไม่ได้จะต้องมีการทุจริตอีกกี่ครั้ง ต้องถูกเรียกเก็บค่าทุจริตอย่างนี้เรื่อยไปจนจบ แล้วสุดท้ายเมื่อเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคน จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ป่วยผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้น แล้วตัวบุตรหลานเองจะหาความภูมิใจในตนเองได้อย่างไร ในเมื่อความสำเร็จในการศึกษาได้มาเพราะเงินที่พ่อแม่ทุ่มไป ไม่ใช่ความสามารถของตนเองเลย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราควรต้องย้อนกลับมามองวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันทีมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทั้งในการอยู่เป็นเพื่อน (ที่สอนให้เรารู้จักความก้าวร้าว) เป็นพี่เลี่ยง (เมื่อเวลาที่พ่อแม่ไม่อยากให้เราอยู่ใกล้) พ่อแม่เป็นเพียงเครื่องหารายได้ เพื่อปรนเปรอความต้องการของลูกหลานในทุกๆ เรื่องเท่านั้น ครอบครัวขาดการพูดคุย ถึงเหตุการณ์ในแต่ละวัน เพื่อการอบรมบ่มนิสัย และบ่มเพาะจริยธรรมให้กับบุตรหลานกันหรือเปล่า
ครูจา
May 01
ผู้ปกครองหลายๆคน มักคิดว่าการเรียนจินตคณิตเป็นการเรียนเพื่อแก้ไขปัญหาการเรียนคณิตศาสตร์ในเด็กทุกๆ วัย คราวนี้เรามาดูรายละเอียดของการเรียนจินตคณิต และการเรียนคณิตศาสตร์ในแต่ละช่วงวัยกันดีกว่า
การเรียนจินตคณิตมีจุดประสงค์หลักเพื่อให้เด็กผึกใช้สมองสองซีกในการคำนวณโดยใช้ลูกคิดเป็นสื่อ แต่ผลพลอยได้ที่จะเกิดขึ้น นั่นคือการคำนวณที่ถูกต้องแม่นยำ สมาธิที่เกิดจากการใช้สมองทั้งสองซีกในการคำนวณ และทัศนคติในเชิงบวกกับวิชาคณิตศาสตร์นั่นเอง
ส่วนรายละเอียดใกนการเรียนคณิตศาสตร์แบ่งตามช่วงชั้นต่างๆ ดังนี้
ช่วงอนุบาล เป็นช่วงที่เด็กจะต้องเรียนรู้และเชื่อมโยงตัวเลขกับค่าของตัวเลขแต่ละตัว มีความเข้าใจถึงค่าของตัวเลขที่มากกว่า หรือน้อยกว่า
ช่วงชั้นที่ 1 นั่นคือ ประถม 1 – 2 การเรียนคณิตศาสตร์ ยังเน้นเกี่ยวกับเรื่องทฤษฎีของการบวก (การเพิ่ม) การลบ (การลด) การคูณ (การบวกซ้ำๆ) การหาร (การลบซ้ำๆ) เรื่องค่าประจำหลัก และมีการแก้ไขปัญหาโจทย์โดยอ้างอิงจากทฤษฎีที่เรียนมาเป็นสำคัญ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญในวัยนี้ในการเรียนคณิตศาสตร์ ก็คือ การคำนวณ และการอ่าน
ช่วงชั้นที่ 2 นั่นคือระดับ ประถม 3 – 4 เป็นวัยที่มีความรู้ด้านทฤษฎีแม่นยำ และการอ่านที่คล่องแคล่วแล้ว ก็จะเริ่มมีการแก้ไขปัญหาโจทย์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นในช่วงวัยดังกล่าวสิ่งที่สำคัญก็ยังคงเป็นเรื่องของการคำนวณ พร้อมกับการตีความอย่างถูกต้อง ซึ่งหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การเรียนคณิตศาสตร์ก็จะทำได้ไม่ดีนัก
ช่วงชั้นที่ 3 ได้แก่ประถม 5 – 6 คณิตศาสตร์ในวัยนี้ถ้ากล่าวถึงการคำนวณ ก็จำเป็นที่จะต้องรู้ทฤษฎีของลำดับของเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ (ซึ่งได้แก่ วงเล็บ , บวก , ลบ , คูณ และหาร) อย่างแม่นยำ การเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องใหม่ๆ เช่น ทศนิยม เศษส่วน ร้อยละ สมการ เป็นต้น สิ่งที่สำคัญในการเรียนคณิตศาตร์ในช่วงชั้นนี้ก็ยังคงหนีไม่พ้นเรื่องของการคำนวณและการตีความในโจทย์ปัญหานั่นเอง
จากข้อมูลดังกล่าวเบื้องต้น เราจะพบว่า ไม่ใช่เพียงแต่การคำนวณที่ถูกต้องแม่นยำเท่านั้นที่เป็นส่วนสำคัญของการเรียนคณิตศาสตร์ในทุกๆ ช่วงชั้น แต่การอ่าน การตีความ ก็ยังคงเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญในการเรียนคณิตศาสตร์ด้วยเช่นกัน
ครูจา