มีข้อสงสัยมากมายว่าการเรียนจินตคณิตจะมีประโยชน์กับเด็กจริงหรือ  หลายๆ ครั้งที่ครูได้มีโอกาสได้ให้ข้อมูลมาบ้างแล้วว่า การเรียนจินตคณิตเป็นการเสริมสร้างพัฒนาสมอง และยังเพิ่มสมาธิให้กับผู้เรียนได้อีกด้วย

การเรียนจินตคณิตในแต่ละวัยการเรียน จะมีความแตกต่างกัน เนื่องจากในวัยอนุบาล เด็กจะเริ่มจากการเรียนรู้เรื่องจำนวนให้เป็นรูปธรรมผ่านการใช้ลูกคิด โดยการขยับลูกคิดขึ้นลง ในช่วงเวลาหนึ่ง การใช้ลูกคิดจะเริ่มมีการแต่ในวัยประถมการใช้ลูกคิดจะมีการแทนค่าประจำหลักในแต่ละหลัก นอกจากลูกคิดจะใช้ในการบวกลบได้แล้ว เรายังสอดแทรกทฤษฏีทางคณิตศาสตร์ได้โดยการให้เด็กๆ ได้ดีดบวกซ้ำๆ และให้เค้าได้เรียนรู้ว่าการบวกซ้ำๆ ก็คือการคูณนั่นเอง (โดยให้เค้านับจำนวนครั้งของการดีด เช่น บวกทีละ 2 จำนวน 8 ครั้ง นั่นคือการบวกกัน  8 ครั้งของ 2 นั่นคือ 8 x 2 ซึ่งได้คำตอบคือ 16 นั่นเอง) ในการหารก็เช่นเดียวกัน

จากตารางและกราฟด้านล่างเป็นการนำเสนอข้อมูลของการคิดเลขในกระบวนการที่แตกต่างกัน นั่นคือ เราจัดเด็กออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกเป็นเด็กที่ผ่านการเรียนจินตคณิต ส่วนอีกกลุ่มเป็นเด็กที่เรียนการคิดเลขในแบบปกติ โดยการวิจัยครั้งนี้ ครูได้ทำงานวิจัยในโรงเรียนอนุบาล (ในแนวเร่งเรียน) แห่งหนึ่ง จากผลการวิจัยพบว่า เด็กที่เรียนจินตคณิตจะทำคะแนนสูงกว่าเด็กที่ใช้วิธีการคิดแบบปกติมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก อนุบาล 2 เราจะเห็นสัมฤทธิผลของการคิดเลขแตกต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้แล้วจากตารางที่แสดงคะแนนเฉลี่ย เป็น %  ยิ่งชี้ให้เห็นว่า การคิดคำนวณของเด็กที่เรียนจินตคณิตนั้น ถูกต้องและแม่นยำกว่าการคิดคำนวณในแบบปกติมาก

จากการนำเสนอข้อมูลเบื้องต้น เราจะพบว่า นอกจากจินตคณิตจะช่วยเรื่องการคำนวณของเด็กแล้ว ยังส่งผลถึงสมาธิของเด็กๆ อีกด้วย เมื่อเด็กมีสมาธิที่ดี การเรียนรู้ของเค้า ก็จะมีประสิทธิภาพด้วยช่นกัน

Tags : , , , , , , , , , , , | add comments

Tags : , , , , , , , , | add comments

 เรียนอะไรดี

Posted by malinee on Monday Aug 28, 2017 Under เกร็ดความรู้

เนื่องจากในปีการศึกษา 2561 จะเป็นปีแรกที่มีการรับนักเรียนเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาแบบใหม่ ที่เรียกว่า ระบบ TCAS (Thai University Central Admission System)  ซึ่งเป็นระบบการคัดเลือกนักเรียนเป็นรอบๆ โดยมีทั้งสิ้น  5 รอบและในแต่ละรอบจะมีการกำหนดวัน Clearing house ซึ่งเป็นการตัดสิทธิ์สำหรับเด็กที่ได้เลือกคณะที่ตนเองได้เลือกแล้ว เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับผู้อื่น และในปัจจุบันก็มีสาขาวิชาที่ให้เลือกเรียนมากมาย

การเลือกสาขาวิชาที่จะเรียนนั้น หลายๆ กระแสก็ให้เลือกตามแนวโน้มของโลกในอนาคต เนื่องจากนักวิเคราะห์หลายๆ สังกัดก็มีการบ่งชี้ว่ามีหลายๆ อาชีพที่จะไม่เป็นที่ต้องการ หรือหายไปในที่สุด ด้านนักเศรษฐศาสตร์ก็วิเคราะห์ว่า แนวโน้มในอนาคตคนทำงานควรมีอาชีพมากกว่า 1 อย่าง การวิเคราะห์ดังกล่าว ทำเอาทั้งพ่อแม่ผู้ปกครอง และตัวเด็กเองเกิดความสับสน และลังเลใจ ไม่แน่ใจว่าจะเลือกเรียนอะไรดี หรือหาอาชีพที่สองได้อย่างไร

การเลี้ยงดูของพอแม่ผู้ปกครองในปัจจุบันมีอยู่หลายแบบ นั่นคือ แบบที่ปล่อยให้เด็กเรียนรู้ไปตามวัย โดยปล่อยหน้าที่เรื่องของการเรียนให้เป็นหน้าที่ของโรงเรียนเพียงอย่างเดียว กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่พาบุตรหลานเรียนเสริมในด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว เพื่อให้เด็กมีความโดดเด่นทางด้านวิชาการ สามารถสอบแข่งขันในสนามต่างๆ ได้ทุกสนาม กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่มีการพาบุตรหลานส่งเสริมในกิจกรรมที่นอกเหนือจากการเรียน เช่นด้านกีฬา ดนตรี ต่อเนื่องจนเด็กมีทักษะในการเรียนเสริมที่ดี

ลักษณะการเสริมความรู้ และทักษะของครอบครัวในแต่ละกลุ่มจะทำให้เด็กมีทักษะที่แตกต่างกัน เด็กในกลุ่มแรก เด็กจะเรียนรู้ได้จากโรงเรียนเพียงอย่างเดียว เด็กในกลุ่มที่ 2 จะเป็นเด็กที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการ และเขาเหล่านั้นก็จะสามารถเลือกเรียนในสาขาที่เขาต้องการได้ ส่วนเด็กในกลุ่มที่ 3 อาจเป็นเด็กที่มีผลกาเรียนในระดับกลางๆ แต่มีทักษะด้านอื่นที่เรียนมาเพิ่ม จะสามารถนำทักษะที่ได้เรียนมาเป็นอาชีพรองต่อไป

พ่อแม่ผู้ปกครองหลายๆ คนอาจกังวลว่าแล้วในอนาคตเค้าจะสามารถดูแลตนเอง ได้หรือไม่ หากวันนี้เราทำหน้าที่ในการดูแล อบรม เลี้ยงดูเขาเหล่านั้นให้เป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ รู้จักหน้าที่ของตนเอง ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลแทนเขาเลย

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , | add comments

Finger Math by Kidsquare

Posted by malinee on Friday Aug 18, 2017 Under เกร็ดความรู้

การคิดเลขด้วยสองมืออันมหัศจรรย์ ของเด็กอนุบาล 3

 

Tags : , , , , , , , , , , , , , , | add comments

ผ่านพ้นไปเรียบร้อยสำหรับการแข่งขันคณิตคิดเร็วและภาษาอังกฤษชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งที่17 ที่เซนทรัลแจ้งวัฒนะ..ต้องขอบคุณขุนพลตัวน้อยทุกคนที่ลงสู้ศึกในครั้งนี้ ขอบคุณ3เหรียญรางวัลที่เด็กๆสามารถเบียดแย่งกับเจ้าภาพมาได้ ผลแพ้ชนะเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันแต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการได้ลงมือทำอย่างเต็มที่ และครูเชื่อว่า ..เด็กคิดสแควร์สู้ทุกคน.. ขอบคุณ ผืนน้ำ น้องไทน์ ต้นข้าว พี่เทต น้องเธมส์ น้องมายด์ ชีระ ลูกพีช พี่ตั่ว พี่วิน และพี่เชอร์รี่ กับการสู้ในนามสถาบันและต้องขอบคุณที่สุด คือคุณพ่อ คุณแม่ คุณยาย ที่สนับสนุนส่งเสริมและอนุญาติให้เด็กลงเป็นตัวแทนของสถาบันเล็กแห่งเป็นความภูมิใจอย่างที่สุด..แล้วปีหน้าพบกันใหม่..ด้วยความเคารพ ขอบคุณและสวัสดีค่ะ14102467_957636044364583_1038759223811822649_n

Tags : , , , , , , | add comments

มาเปิดหู เปิดตากัน

Posted by malinee on Sunday Jul 13, 2014 Under กิจกรรม

IMG_2404            นับถอยหลังจากนี้ไปอีก 5 สัปดาห์ จะมีการจัดการแข่งขันคณิตคิดเร็ว ของ PAMA Thailand ซึ่งประกาศรับสมัครทั้งบุคคลทั่วไป และสำหรับเด็กตามวัย ในวันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม 2557 นี้ หากท่านผู้ปกครองมีความสนใจ สามารถส่งบุตรหลานเข้าร่วมการแข่งขันได้

ในการแข่งขันคณิตคิดเร็วนั้น ไม่จำเป็นว่าเด็กจะต้องเรียนจินตคณิตมาถึงจะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ แต่ในความเป็นจริงคือ แนวการแข่งขันในรูปแบบนี้ เหมาะสำหรับเด็กที่ถูกฝึกมาให้คิดแบบต่อเนื่อง โดยไม่ใช้วิธีการจับคู่คิดในใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าวิธีดังกล่าวใช้ไม่ได้ เนื่องจากการแข่งขันดังกล่าวทางคณะกรรมการจะใช้ความเร็วและ ความถูกต้องแม่นยำ เป็นตัวตัดสินการแพ้ชนะ แต่หากต้องการเปิดหูเปิดตา พ่อแม่ผู้ปกครองก็สามารถพาบุตรหลานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันและจะได้พบกับกลุ่มเด็กๆ ที่เรียนจินตคณิตที่มีประสิทธิผล  เด็กนับร้อย ที่ใช้วิธีการคิดเลขแบบจินตคณิต เพียงชั่วพริบตาก็สามารถหาคำตอบได้เป็นสิบๆ ข้อ

ทางสถาบันก็มีการจัดการซ้อมเพื่อส่งเด็ก ๆเข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อให้เด็กๆ ได้พบกับกลุ่มเพื่อนที่ใช้วิธีการคิดเลขในแบบเดียวกัน ได้มีประสบการณ์ของการแข่งขัน โดยมีความตั้งใจ และ มุ่งมั่นในการฝึกซ้อม ต้องขอขอบพระคุณ คุณพ่อคุณแม่ ที่เสียสละเวลาอันมีค่า เพื่อสร้างความมุมานะให้กับบุตรหลานด้วยคะ

ครูจา

Tags : , , , , , , , , , , | add comments

time-bomb-connected-to-clock-explodes-23074170การดำเนินชีวิตในปัจจุบันนี้ เราพบว่าไม่ว่าเราอยู่ในช่วงวัยใด ก็จะถูกเร่งด้วยเวลาเป็นตัวกำหนดอยู่บ่อยๆ จนทำให้ชีวิตประจำวันของเรานั้น มักเลือกใช้สินค้า และบริการที่สามารถกระชับเวลาที่จำกัดของเราได้ แต่สิ่งที่ต้องยอมรับต่อมาคือ ความประณีตในการทำงานโดยมีเวลาเป็นตัวเร่งนั้น มักได้ชิ้นงาน หรือผลงานออกมานั้นจะมีความประณีตหรือความเอาใจใส่น้อยกว่างานที่ใช้เวลามากกว่า

ในการเรียนก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนใดๆ หากเราเร่งโดยเวลาเป็นตัวกำหนดในทุกๆ ครั้ง ผลที่ตามมาคือการบ่มเพาะความไม่รอบคอบ ความเร่งร้อนให้กับเด็ก ซึ่งถือว่าจะส่งผลในเชิงลบมากกว่า เนื่องจากเมื่อเขาโตขึ้น การคิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบ โดยมีมุมมองในทุก ๆ ด้านจะทำให้เขาสามารถแก้ปัญหาในหลายๆ ด้านเป็นดีกว่า หากการถูกบ่มเพาะให้เร่ง การคิดอย่างรอบคอบก็จะไม่เกิดขึ้นในการทำสิ่งใดเลย

คราวนี้เรามามองในแง่การเรียนจินตคณิตบ้าง เนื่องจากความเข้าใจของผู้ปกครองส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า สิ่งที่ควรจะได้รับหรือประโยชน์ของการเรียนจินตคณิตคือ การคิดเลขเร็ว ซึ่งในการเรียนนั้นจะต้องมีการจับเวลาเด็กอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการเรียนจินตคณิตหลายๆ ครั้งจะมีการจับเวลาเพื่อกระตุ้นให้เด็กๆ ได้คิดเลขเร็วจริง แต่สิ่งที่สำคัญที่จะต้องพิจารณาด้วยนั่นคือ วัยของเด็กที่จะถูกกระตุ้นด้วย เนื่องจากความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดเล็ก (กล้ามเนื้อมือ) นั้นจะส่งผลโดยตรงต่อความเครียดที่จะเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเมื่อเกิดความเครียดแล้ว มักส่งผลต่อทรรศนคติในการเรียนคณิตศาสตร์ในอนาคตด้วย ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับในการคิดเลขเร็วนั้น จะไม่คุ้มกับผลเสียต่อการจำกัด (แผน) การเรียน ในอนาคตของเด็กให้แคบลง เพียงเพราะสาเหตุเล็กๆ ที่ผู้สอนมีเจตนาที่ดี โดยคาดไม่ถึงว่าจะเป็นปมเล็กๆ ที่สะสมมาในวัยุเด็ก

ครูจา

Tags : , , , , , , | add comments

ทัศนของผู้ปกครองหลาย ๆ คนที่ส่งบุตรหลานมาเรียนจินตคณิตส่วนใหญ่มุ่งหวังให้บุตรหลานมีการคิดคำนวณที่รวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดเนื่องจากการทำการตลาดการตลาดของสถาบันการสอนจินตคณิตเกือบทุกแห่งมักเน้นเรื่องความเร็วในการคิดคำนวณ นอกจากนี้ยังมีการจัดการแข่งขันคณิตคิดเร็วกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ถ้าเด็ก ๆ ได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งตัวเด็กและผู้ปกครอง ที่ต้องให้เวลากับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาเรื่องความเร็วและความแม่นยำ แต่ในปัจจุบันนี้สิ่งที่เด็ก ๆ ต้องเรียนรู้และฝึกฝนมีมากขึ้น เมื่อเทียบกับเวลาที่เด็ก ๆ มีอยู่ ทำให้การฝึกฝนของเขาต้องมีการจัดสรรเวลาให้เหมาะสมกับแต่ละครอบครัว

นอกจากเรื่องของเวลา(ของการฝึกฝนที่ต้องแบ่งไปให้กับการเรียนที่มาก) แล้ว ธรรมชาติของเด็กที่ถูกอบรมเลี้ยงดู หรือสิ่งแวดล้อมของเด็ก หล่อหลอมให้เด็กแต่ละคนมีธรรมชาติที่แตกต่างกัน หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ คงหนีไม่พ้นกระต่ายกับเต่า ซึ่งธรรมชาติของกระต่ายก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าเป็นสัตว์ที่มีความว่องไวมากเมื่อเทียบกับเต่า ดังนั้นหากเด็กที่ถูกเลี้ยงมาให้เป็นเด็กที่ทำงานทุกชิ้นอย่างประณีต มักใช้เวลากับงานแต่ละชิ้นเป็นเวลานาน หรือใช้เวลากับงานแต่ละอย่างแบบช้า ๆ การฝึกให้คิดเลขเร็ว ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะกับธรรมชาติของเด็กคนนั้น แต่เมื่อเทียบกับเด็กที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ถูกกระตุ้นให้ใช้เวลากับการทำงานแบบเร็ว ๆ การคิดเลขเร็วก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา หากเด็กได้รับการฝึกฝน อย่างสม่ำเสมอจะทำให้เขาคิดเลขได้เร็วและแม่นยำ แต่ในทางตรงกันข้ามหากเด็กไม่ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ สิ่งที่เกิดคู่กันกับความเร็วคือความผิดพลาด เมื่อเทียบกับเด็กที่ช้ากว่าแต่มีความรอบคอบ และแม่นยำมากกว่าน่าจะมีประโยชน์กว่าการที่จะฝึกให้เด็กเน้นแต่ความเร็วเพียงอย่างเดียว  เช่นเดียวกับนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า ที่เด็กหลาย ๆ คนที่ได้ฟังเรื่องนี้มักอยากเป็นเต่าที่มีมานะอดทนมากกว่าการเป็นกระต่ายที่มีแต่ความประมาท

หากเรามองถึงเรื่องเส้นชัย นั่นคือการที่เด็กสามารถสร้างศักยภาพของสมองทั้งสองด้าน ผ่านการคิดคำนวณ ก็ถือเป็นผลสำเร็จที่น่าชื่นชม

ครูจา

Tags : , , , , , , , , , , | Comments Off on เส้นชัยของเต่ากับกระต่าย

ผู้ปกครองหลาย ๆ คน มีความเข้าใจว่าการเรียนจินตคณิตมีจุดประสงค์หลักคือการทำให้เด็กคิดเลขเร็ว

stock-vector-boy-coming-up-with-a-good-idea-99262514นความเป็นจริงนั้น การเรียนจินตคณิตนั้น เปรียบเหมือนเด็กที่กำลังหัดว่ายน้ำ หากเขามีโอกาสในการฝึกฝนให้มีการว่ายน้ำในท่าที่ถูกต้อง ส่วนเด็กที่ไม่ได้ฝึกฝนให้ถูกท่า จะต้องใช้แรงในการว่ายที่มากกว่า ซึ่งทำให้เด็กทั้งสองกลุ่มสามารถว่ายน้ำได้ แต่เด็กที่ถูกฝึกให้ถูกท่าจะใช้แรงในการว่ายน้ำน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้ถูกฝึกอย่างถูกต้อง เช่นเดียวกับจินตคณิต เปรียบได้กับเด็กที่ถูกฝึกว่ายน้ำให้ถูกท่า โดยเด็กจะสามารถมีความเข้าใจจำนวน คิดเลขเป็นระบบมากขึ้น และสร้างศักยภาพของสมองโดยการคิดเลขให้เป็นภาพอย่างมีประสิทธิภาพด้วย

แต่ผู้ปกครองหลาย ๆ คน มักคาดหวังว่าการเรียนจินตคณิตในระยะเวลาสั้น ๆ จะสามารถทำให้เด็กคิดเลขได้เร็วขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่มักลืมไปว่าการทำงานในแต่ละอย่างให้สัมฤทธิ์ผลได้ดี  ไม่ว่าจะอยู่วัยใดก็ตาม จำเป็นจะต้องมีการฝึกให้เกิดทักษะก่อน ซึ่งการเรียนจินตคณิตก็เช่นกัน ในการจะทำให้ภาพเกิดในสมองซีกขวาได้นั้น ก็ต้องอาศัยเวลาและทักษะในการใช้ลูกคิดจนชำนาญเช่นกัน

จะเห็นว่าการเรียนจินตคณิตเป็นเรื่องเดียวกับการคิดเลขเร็วหากมีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง แต่อาจเป็นหนังคนละม้วนสำหรับเด็กที่ไม่ใส่ใจในการฝึกฝนเลย ดังนั้นหากพ่อ แม่ ผู้ปกครองต้องการให้บุตรหลานเรียนจินตคณิต หรือการเรียนใด ๆ ก็ตาม ให้ประสบความสำเร็จ จะต้องให้บุตรหลานได้มีการฝึกฝนเพื่อให้เกิดทักษะ จนเป็นความชำนาญจึงจะสามารถเห็นผลสัมฤทธิ์ได้

ครูจา

Tags : , , , , , , , , , , | add comments