ภาพลวงตา

Posted by malinee on Sunday Apr 22, 2018 Under เกร็ดความรู้

มีกระแสของการศึกษาที่มีอยู่เนืองๆ ว่าควรจะมีการยกระดับการศึกษาไทยให้มีคุณภาพดีทั่วประเทศเสียที  หลายๆ คนอาจกล่าวว่า ระบบการศึกษาในโรงเรียนควรจะมีการบูรณาการตามความสามารถของเด็ก หรือตามความสนใจของเด็ก ซึ่งเด็กแต่ละคนมีความพร้อมและ ความสนใจที่แตกต่างกัน จึงควรมีการจัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามความถนัดของเด็ก

แต่ในความเป็นจริงแล้ว เพียงการคัดเลือกข้าราชการครูเข้ามารับหน้าที่ในการสอน ยังไม่ตรงกับความถนัด หรือสาขาวิชาที่เรียนมาเลยด้วยซ้ำ อย่าพูดถึงคุณภาพของเด็กที่จะได้รับการเรียนการสอนที่ดีเลย นอกจากในส่วนของผู้สอนแล้ว ตัวผู้เรียนก็เป็นส่วนหนึ่งของคุณภาพในการเรียนด้วย เราต้องยอมรับก่อนว่าเด็กก่อนวัยเรียนในแต่ละครอบครัวก็มีความแตกต่างกันแล้ว ครูไม่ได้กล่าวถึงความพร้อมด้านเศรษฐกิจ แต่ ณ ที่นี้จะกล่าวถึงหน้าที่ในการสร้างความพร้อมในการเรียนรู้ก่อนวัยเรียน เด็กหลายๆ คนถูกปล่อยปละ หรือขาดทักษะทางด้านร่างกาย ซึ่งหมายถึงกล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ที่ส่งผลต่อทักษะในการเรียนรู้ในวัยเรียน ที่จะต้องใช้ทักษะพื้นฐานในช่วงก่อนวัยเรียน หลายๆ ครอบครัวที่มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่า การเล่นเกมส์เป็นการฝึกทักษะและภาษาให้กับเด็กโดยที่เด็กจะใช้นิ้วชี้เพียงนิ้วเดียวในการเล่นเกมส์ ซึ่งต่างจากการเล่นของเล่นที่เป็นชิ้น ที่สามารถเสริมสร้างทั้งกล้ามเนื้อ ความสัมพันธ์ของการทำงานระหว่างมือกับตา อีกทั้งยังได้เรื่องของจิตนาการอีกด้วย

เมื่อเด็กเข้าสู่วัยเรียน ก็ไม่มีความพร้อมที่จะเรียน เนื่องจากกล้ามเนื้อไม่พร้อม สมาธิไม่ดี หรือแม้กระทั่งไม่สามารถช่วยเหลือตนเองในเรื่องพื้นฐานที่ควรจะถูกฝึกจากบ้าน คิดเพียงแต่ว่าโรงเรียนมีหน้าที่ที่จะสอนให้บุตรหลานอ่านออกเขียนได้ โดยขาดการส่งเสริมพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ

มันจะเป็นธรรมกว่าหรือไม่ ถ้าต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ให้ถูกที่ถูกเวลา ไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างโยนความรับผิดชอบให้พ้นๆ ตนเองไป พ่อแม่ผู้ปกครองก็โยนความรับผิดชอบไปให้โรงเรียน ครูชั้นอนุบาลก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เพราะในที่สุดเด็กก็จะต้องขึ้นไปเรียนชั้นที่สูงขึ้นไปตามลำดับ นี่เป็นเพียงความรับผิดชอบในงานเล็กๆ ของตนเอง เราก็ไม่ต้องหันไปพึ่งใครที่มีหน้าที่เพียงไม่กี่ปี หรือไม่กี่วาระที่จะมาแก้ปัญหาการศึกษาของไทยเลย เพราะต่างก็คิดว่า ปีหน้าเราก็หมดวาระ หรือหมดหน้าที่แล้ว เพราะฉะนั้น ครอบครัวจึงเป็นสถาบันเล็กๆ ที่ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้แข็งแกร่งที่สุด อย่าไปหวังน้ำบ่อหน้า ซึ่งมันไม่มีจริงเลย มันเป็นเพียงภาพลวงตา

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , , , , | add comments

การยุบ ควบรวมโรงเรียน ที่เหมือนจะไกลตัวเด็กกรุงเทพ

ปัจจุบันข่าวของการควบรวม โรงเรียนหนาหูขึ้น บางกระแสก็ว่าเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ บางกระแสก็ออกมาคัดค้าน บางกระแสก็สนับสนุนกับการควบรวม เพื่อพัฒนาการศึกษาให้เป็นระบบ

ก่อนอื่นเรามาพิจารณาที่ต้นเรื่องก่อน เรื่องเริ่มต้นที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายให้ยุบหรือรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีนักเรียนต่ำกว่า 120 คน ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) ซึ่งมีประมาณ 14,000 โรงเรียน เหตุของการยุบรวมโรงเรียน เนื่องจากงบประมาณที่ให้ในแต่ละโรงเรียนคิดเป็นงบประมาณต่อหัวเด็ก ซึ่งถ้าจำนวนเด็กน้อย งบประมาณที่ให้ไปก็ไม่สามารถจัดหาอุปกรณ์ สื่อการเรียนที่ดี ให้กับโรงเรียนได้ หากมีการยุบรวมโรงเรียน งบประมาณก็จะมากขึ้น และง่ายต่อการจัดการเรียนการสอน

เรื่องดังกล่าว หลาย ๆ คนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว และไม่มีผลกระทบกับเด็กกรุงเทพเท่าไรนัก อาจเป็นความจริงที่เรื่องดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อเด็กกรุงเทพในระยะเวลาอันใกล้ แต่หากโรงเรียนในชุมชนถูกทำลาย ความผูกพันความสำนักรักบ้านเกิด ก็อาจลดน้อยลง ในอดีต เด็กชนบทจะเรียน หมู่บ้าน แล้วค่อยย้ายไปเรียนตามโรงเรียนประจำจังหวัดเมื่อเข้าสู่มัธยมศึกษา จนกระทั่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย เมื่อเรียนจบระดับอุดมศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ ก็จะมีความสำนึกต่อบ้านเกิดที่ตนเองเติบโต และใช้ชีวิตในวัยเด็ก มักจะนำความรู้ ความสามารถ กลับมาพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตน  หากเราตัดความสัมพันธ์ดังกล่าวออกไป ความผูกพัน อาธร ต่อบ้านเกิดย่อมจางหายไป หลังจากที่จบการศึกษาก็จะไปทำงานตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการแข่งขันกระจุกตัว แต่ในชนบท ก็จะมีประชากรน้อยลงเรื่อย ๆ จนไม่เหลือความทรงจำใด ๆ เลย

Tags : , , , , , , , , | add comments

Cool_Cartoon_School_Bus_Clipart-1LGในช่วงปลายของแต่ละปีการศึกษา ก็จะมีการสอบเข้า หรือสอบคัดเลือกเข้าโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นการสอบเข้า ป.1  หรือ การสอบเข้า ม. 1 แต่การที่คุณพ่อ คุณแม่จะสมัครสอบในโรงเรียนใด ก็ควรจะศึกษา ทำความเข้าใจกับการเลือกโรงเรียนในแต่ละแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับเจ้าตัวน้อยที่พร้อมที่จะเติบโตในสังคมของการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน

จากวิวัฒนาการของโลกไร้พรมแดน ซึ่งมีผลทำให้การติดต่อสื่อสาร การคมนาคมที่สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดการโอนถ่ายทั้งสินค้า และบริการกันอย่างกว้างขวาง การศึกษาจึงมีทางเลือก หรือมีความหลายหลายมากขึ้นกว่าอดีตมาก ด้วยเหตุนี้เองทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองควรจะให้ความสำคัญกับการเลือกโรงเรียนในข่วงปฐมวัยให้มีความเหมาะสมกับบุตรหลาน เพื่อความคุ้มค่ากับค่าใช้จ่าย และเวลาให้มากที่สุด ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไม่มีใครสามารถบอกเราได้ว่า แนวการเรียนนี้เหมาะกับใครได้เท่ากับ การสังเกตดูพฤติกรรมการเล่นของลูกตั้งแต่อยู่ที่บ้าน หลาย ๆ คนอาจคิดว่าการเลือกโรงเรียนให้กับลูกไม่ได้มีผลอะไรกับการเรียนรู้ของเด็ก  แต่ในความเป็นจริงนั้น เด็กแต่ละคนจะมีวิธีการในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน เช่นเด็กบางคนเหมาะกับการเรียนผ่านการเล่น ซึ่งเค้ามักเรียนรู้ช้าหากอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกบังคับ แต่เด็กหลายคนก็สามารถทำตามสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการให้ทำได้ โดยไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่อ หรือเครียด ด้วยเหตุนี้อาจทำให้เด็กหลาย ๆ คน เรียนในโรงเรียนที่พ่อแม่ต้องการให้เรียน มากกว่าความเหมาะสมของการเรียนรู้ของเขา จึงทำให้เมื่อโตขึ้นอาจเกิดการสะสมปัญหาของการเรียนรู้ทีละเล็กทีละน้อย

ครูจา
Tags : , , , , , , , , , , | add comments