เสาร​ อาทิตย์​นี้แล้ว​ ที่เด็กๆ​ จะต้องสอบคัดเลือก​เข้าเรียนในชั้นมัธยมศึกษา​ปีที่​ 1 และ​4 หลังจากการถูกเลื่อนการสอบกันมาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม​ ซึ่งเด็กๆ​หลายคนมีการเตรียมพร้อม​กันมาเป็นเวลานาน​ เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรค​COVID​19​ จึงทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก​ลงชั่วขณะ​ เด็กหลาย​ๆ​ คน​ ถ้าทางบ้านมีเวลาดูแลเอาใจใส่​ก็ยังอาจมีเวลาในการทบทวนบทเรียน​เพื่อเตรียมตัวตลอดเวลา​ แต่หลายๆ​ ครอบครัว​ มิได้เป็นเช่นนั้น​ เด็กๆ​ เนื่องจากความเป็นเด็ก ก็จะไม่เลือกที่จะหยิบจับหนังสือ​อยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ​ ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครอง​หาวิธีในการแก้ปัญหา​ โดยการให้บุตรหลานเรียนออนไลน์​ ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่สามารถทำได้ในสถานการณ์ช่วงนี้แต่ การเรียนนั้นเป็นการทบทวนบทเรียน​วิธีหนึ่ง​ แต่การเรียนนั้น​อย่างมากก็ทำได้วันละไม่เกิน​2 ชัวโมง​ หลังจากการเรียน​ ไม่ว่าจะเป็นนการเรียนวิชาใดๆ​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนคณิตศาสตร์​ หากไม่ทบทวน​หรือเริ่มกระบวนการคิดด้วยตนเอง​ ก็จะไม่เกิดประโยชน์​ใดๆ
การเรียนคณิตศาสตร์​นั้น​ เป็นการฝึกทักษะกระบวนการ​คิดแก้ปัญหา​ ในระหว่างการเรียน​ ถ้าเป็นเรื่องใหม่ๆ​ การเรียน​ เราจำเป็นจะต้องวิเคราะห์​ไปพร้อมกัน​ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ​ และมีการให้แบบฝึกหัด​เพื่อทบทวนบทเรียน​ เพื่อฝึกกระบวนการคิดอย่าเป็นระบบ​ และเมื่อเรียนในครั้งต่อไปจะสามารถต่อยอดไปเรื่องใหม่ได้​ แต่เด็กๆ​ ส่วนใหญ่​ เมื่อเรียนจบคือทิ้ง​ ไม่ทวน​ แล้วเวลาเรียนก็กลายเป็นว่าต้องเริ่มใหม่ทุกครั้ง​ ไม่พยายามคิดด้วยตัวเอง​ ไม่เริ่มที่จะคิด​ บ่มเพราะจนกลายเป็นนิสัย​เป็นเด็กเฉื่อย​ ไม่มีความกระตือรือร้น​ ไม่มีความพยายาม​ ไม่คิดที่จะเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ​ การเรียนรู้กลายเป็นว่าต้องมีคนป้อน​ ต้องมีคนสอน​ ไม่สามารถอ่านหนังสือ​หรือทบทวนเนื้อหาบทเรียน​ได้ด้วยตนเอง​ ลองสังเกต​บุตรหลานของตัวเองว่่า​ คุณให้เขาเรียน​แล้วเขาได้เคยนำบทเรียนมาทบทวนหรือไม่​ หรือ ให้เรียนทุกวันจนทำให้เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อย​กับการเรียน​ แล้วหลังจาการเรียนที่เหนื่อยล้าคือเวลาที่เป็นเวลาที่จะต้องพักสะทีและการพักของเด็กก้อไม่พ้นการเล่นเกม..
#เรียนเยอะไม่แปลว่าเก่ง
#เรียนแล้วเก็บไม่ทวนไม่แปลว่าทำได้
#เป็นกำลังให้เด็กทุกคน
#สถาบันคิดสแควร์

Tags : , , , , , , , , , , , | add comments

จากที่ได้กล่าวเมื่อตอนที่แล้วว่า การรวมเป็นประชาคมอาเซียนนั้นมีความมุ่งหมายเพื่ออะไร คราวนี้เราลองมาดูในแต่ละประเด็นกันดีกว่า

การเป็นฐานการผลิตที่มีฐานการผลิตร่วมกัน สามารถเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานฝีมืออย่างเสรี ซึ่งมองในแง่ทฤษฏีก็ดูดี แต่ในเชิงปฏิบัตินั้นฐานการผลิตสินค้าหลาย ๆ ชนิด เช่น การเกษตร ไม่สามารถผลิตได้ในทุก ๆ ภาคส่วนของอาเซียน ซึ่งก็จะมีพื้นที่ที่สามารถทำการเกษตรได้อย่างอุดมสมบูรณ์ ก็มีประเทศไทยที่เป็นหนึ่งในนั้น นั่นหมายความว่าการเช่า ซื้อพื้นที่ต่าง ๆ ก็จะเป็นที่หมายปองของนักลงทุนต่างชาติเช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไปเจ้าของพื้นที่ในผืนแผ่นดินไทย อาจมีคนไทยถือครองไม่ถึงครึ่ง  นอกจากพื้นที่ทางการเกษตรที่เป็นที่หมายตาแล้ว มามองดูอุตสาหกรรมการท่องเทียว ที่เป็นแหล่งธรรมชาติ ก็ยังพบว่า ประเทศไทยสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ทั้งฤดูร้อน (คนมักนิยมเที่ยวทะเล ทั้งทางทิศตะวันออก และทิศใต้) และฤดูหนาว ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวก็เบนไปที่ทิศเหนือของประเทศ จากข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ เราจะเห็นได้ว่าประเทศของเราก็เป็นชิ้นปลามันชิ้นโตของนักลงทุน ที่มักหาประโยชน์กับผู้ถือครองที่ดินที่พร้อมที่จะขายทรัพย์สมบัติเพื่อให้ได้เงินมาซื้อความสะดวกสบายให้กับตนเองและครอบครัว

แต่เมื่อมาพูดถึงบริการ ซึ่งรวมถึงการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือเสรี เป็นที่ทราบอยู่แล้วว่ามี 7 อาชีพที่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรี นั่นคือ วิศวกร  พยาบาล นักสำรวจ  สถาปนิก  แพทย์ ทันตแพทย์ และนักบัญชี ซึ่งหากมาตรฐานการศึกษาไทยยังคงไม่ปรับตัว เราจะได้ผู้ที่ทำงานในวิชาชีพต่าง ๆ ในบ้านเราที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือได้รับคัดเลือกผ่านระบบเอ็นทรานซ์ โดยที่มีแต่คู่แข่งที่ไม่กระตือรือร้นในการเรียน เรียนเพื่อให้ได้วุฒิ แต่ไม่มีความรู้ ความสามารถติดตัว พอที่จะทำงานใด ๆ ได้เลย   เหล่านักวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพเหล่านั้น ก็คงย้ายตนเองไปอยู่ในสังคม สิ่งแวดล้อม และค่าครองชีพที่ดีขึ้น ซึ่งมันอาจส่งผลให้คุณภาพการรักษาพยาบาล หรือการให้บริการด้านเฉพาะทางต่ำลง

สุดท้ายมากล่าวถึงเรื่องการศึกษา  หลาย ๆ ท่านก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการศึกษาในอาเซียนนั้น เรามีสิงคโปร์เป็นผู้นำอยู่  หากแต่เราดูนโยบายด้านการศึกษาของทางสิงคโปร์ จะพบว่าเขาทุ่มเทงบประมาณจำนวนมากในเรื่องของการศึกษา เพื่อให้คนในประเทศเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพ และนอกจากนี้การศึกษาของประเทศสิงคโปร์ยังเป็นอีกหนึ่งบริการที่เขาเปิดขายด้วย ในทางกลับกันประเทศไทยเราทุ่มงบประมาณต่าง ๆ มากมายไปกับภาคอุตสาหกรรมโดยที่เราไม่มีความรู้ หรือไม่มีแม้นักคิดที่เป็นของเราเอง ไม่ได้มุ่งพัฒนาบุคลากร หรือเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้มีความคิดสร้างสรรค์

จากบทความที่สรุปมา คงพอมองเห็นภาพกว้าง ๆ ว่าของประชาคมอาเซียน 2558 และจะได้เตรียมตัวให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ให้เขามีความรู้ ความสามารถเพื่อที่จะอยู่ในสังคมที่กว้างขึ้น และอยู่ภายใต้สภาวะของการแข่งขันที่สูงขึ้น

ครูจา

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , , | add comments

Singapore Math

Posted by malinee on Thursday Nov 4, 2010 Under เกร็ดความรู้

           ในปัจจุบันนี้การเรียน การสอนคณิตศาสตร์ในระดับประถมศึกษามีแนวการสอนหลาย

รูปแบบ ซึ่งแต่ละแบบนั้นมีจุดมุ่งหมายเดียวกันนั่นคือเพื่อให้เด็กเกิดทักษะในการเรียนรู้คณิตศาสตร์

ซึ่ง Singapore Math ก็เป็นอีกรูปแบบที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

              Singapore Math เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา

ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการพิจารณาว่ามีประสิทธิภาพในการสอนคณิตศาสตร์แก่เด็ก 

Singapore Math เป็นการสอนคณิตศาสตร์พื้นฐานในการแก้โจทย์ปัญหาในระดับ

ประถมศึกษา โดยการวาดเป็นแผนภาพ (model drawing)

เพื่อให้เด็กมีความเข้าใจในเชิงลึกและแก่นแท้ของวิชาคณิตศาสตร์

ข้อดีของการใช้ Singapore Math มีหลายประการ คือ

1.เด็ก ๆ สามารถวิเคราะห์โจทย์และตีความโจทย์ที่เป็นนามธรรมให้เป็นแผนภาพที่เป็นรูปธรรม

 

2.เด็กๆ มีความเข้าใจโจทย์ในเชิงลึกได้มากขึ้น โดยไม่ขาดใจความสำคัญที่ให้ไว้ในโจทย์

 

3.เด็ก ๆ สามารถวิเคราะห์โจทย์และแก้โจทย์ได้อย่างเป็นระบบโดยผ่านกระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน

 

4.เด็ก ๆ มีสมาธิดีขึ้น เนื่องจากเป็นการใช้สมองซีกขวา (ส่วนจินตนาการ) ในการแก้โจทย์

 

5.เด็กๆ มีทัศนคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์

โดย : Smantha Watson

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , | add comments