หากใครได้ติดตstudyingามข่าวการศึกษา หรือข่าวทั่ว ๆ ไป ตอนนี้ก็คงได้ยินคำว่า แอดมิชชั่น กัน หลาย ๆ คนอาจมีความเข้าใจเกี่ยวกับการสอบแอดมิชชั่นเป็นอย่างดี แต่หลาย ๆ คน ก็ยังงง ๆ กับการสอบดังกล่าวว่าคืออะไร

แอดมิชชั่น (Admission) เป็นระบบกลางที่คัดเลือกนักเรียนนักศึกษาเข้าสถาบันอุดมศึกษาในปัจจุบัน  ซึ่งเป็นการสอบที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ต้องสอบและนำคะแนนที่ได้มายื่นเพื่อเลือกคณะที่ตนเองจะเข้าศึกษาอีกที

ระบบแอดมิชชั่นนี้ บริหารงานโดย สถาบันทดสอบการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า สทศ. โดยที่หน้าที่ของสทศ. คือพัฒนาข้อสอบเพื่อวัดและประเมินมาตรฐานการศึกษา วัดความรู้ความสามารถของผู้เข้าสอบแต่ละคน สทศ.จะรับผิดชอบการประเมินผลด้านการศึกษาให้กับนักเรียนที่เรียนหลักสูตรไทย ในประเทศไทย หลายครั้งด้วยกันคือ ป.3, ป.6, ม.3, และ ม.6 แต่ในการสอบแอดมิชชั่นนั้นจะนับกันเฉพาะ การสอบวัดผลในระดับชั้น ม.6 เท่านั้น

ยังมีอีก 1 องค์การที่จะไม่กล่าวถึงก็คงจะไม่ได้ คือ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นผู้วางมาตรฐานหลักสูตรการศึกษาให้กับโรงเรียนต่างๆในประเทศไทย เรียกง่ายๆว่า กระทรวงศึกษาเป็นผู้กำหนดหลักสูตร โรงเรียนมีหน้าที่สอนนักเรียนตามหลักสูตร และสทศ.มีหน้าที่สอบวัดผลโรงเรียนและนักเรียนแต่ละคนตามหลักสูตรนั่นเอง

และยังมีอีก 1 องค์การที่จะไม่กล่าวถึงก็คงจะไม่ได้ คือ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นผู้วางมาตรฐานหลักสูตรการศึกษาให้กับโรงเรียนต่างๆในประเทศไทย เรียกง่ายๆว่า กระทรวงศึกษาเป็นผู้กำหนดหลักสูตร โรงเรียนมีหน้าที่สอนนักเรียนตามหลักสูตร และสทศ.มีหน้าที่สอบวัดผลโรงเรียนและนักเรียนแต่ละคนตามหลักสูตรนั่นเอง

คราวนี้เรากลับมาที่การสอบแอดมิชชั่นว่า เด็กนักเรียนจะต้องสอบข้อสอบดังต่อไปนี้

1. O-NET (Ordinary National Education Test) หรือการสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน ในตอนนี้จะพูดถึงการสอบ O-NET ในระดับชั้น ม.6 เพียงอย่างเดียว แนวคิดของ O-NET คือ การวัดผลของโรงเรียนแต่ละโรงเรียนว่า ได้สอนนักเรียนของตัวเองตามหลักสูตรกระทรวงขนาดไหน ข้อสอบ O-NET นี้จะเป็นข้อสอบง่ายๆที่วัดเฉพาะพื้นฐานจริงๆเท่านั้น

2. GAT (Genetal Aptitude Test) หรือมีชื่อเป็นภาษาไทยสั้นๆว่า การสอบความถนัดทั่วไป ซึ่งจะเน้นเนื้อหาทางด้าน การอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์การแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ รวมไปถึงการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ข้อสอบ GAT นี้จะมีความซับซ้อนมากกว่าความยาก

3. PAT (Professional Aptitude Test) หรือมีชื่อเป็นภาษาไทยสั้นๆว่า การสอบความถนัดเฉพาะด้าน/วิชาการ เป็นข้อสอบที่ยากที่สุดในสามตัวที่พูดถึง วิชาเฉพาะด้านที่มีสอบคือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ พื้นฐานวิศวกรรม พื้นฐานสถาปัตยกรรม พื้นฐานความเป็นครู และวิชาด้านภาษาอื่นๆนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ

จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าเด็กในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จะต้องมีการเตรียม ตัวกับการสอบคัดเลือกดังกล่าว แต่ในปัจจุบันนี้สถาบันอุดมศึกษาหลาย ๆ แห่งก็เปิดรับสมัครสอบตรง โดยไม่อิงคะแนนแอดมิชชั่น แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีการเตรียมตัวในการสอบเช่นกัน นอกจากนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่จะต้องเตรียมความพร้อมและมีการวางแผนร่วมกับบุตรหลานของตนว่าจะเรียนในสาขาวิชาใด หากคุณพ่อคุณแม่มีการวางแผนที่ดี ก็จะทำให้บุตรหลานมีอนาคตที่ดีเช่นกัน ดังคำที่ว่า “If your today is good not only your past was good but your future also good.”

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , , , | add comments

จากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ออนไลน์
วันที่16 พฤศจิกายน 2554
น้ำยังไม่ลด ศธ.ตัดสินใจเลื่อนเปิดเทอมรอบที่ 3 เป็นวันที่ 6 ธ.ค. แต่ยืนยันไม่กระทบสอบโอเน็ตให้ต้องขยับตามไปด้วย เพราะโรงเรียนสอนชดเชยทัน ชี้หากต้องเลื่อนอีกหน มีหวังกระทบสอบโอเน็ต แอดมิชชั่น รับ ม.1 และ ม.4 แน่ ส่วน รร.ใน กทม.เลื่อนด้วยเปิดเทอม 1 ธ.ค.
สถานการณ์น้ำท่วมในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และยังไม่มีทีท่าจะลดลง ทำให้กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ตัดสินใจประกาศเลื่อนการเปิดเทอม 2/2554 ออกไปอีกครั้ง จากวันที่ 21 พ.ย. เป็นวันที่ 6 ธ.ค.54 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ.ว่า สำหรับโรงเรียนที่ต้องเลื่อนการเปิดเทอมออกไปคือ รร.ที่อยู่ในกรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี และนครปฐม เขต 2 ใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางเลน, สามพราน, นครชัยศรี และพุทธมณฑล ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ยกเว้นโรงเรียนนานาชาติบางแห่งที่ขออนุญาตเปิดภาคเรียนก่อนหน้านี้ เพราะพื้นที่ดังกล่าวยังมีปริมาณน้ำจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การเลื่อนเปิดภาคเรียนออกไปเป็นวันที่ 6 ธ.ค.จะยังไม่กระทบกับปฏิทินการสอบโอเน็ต เพราะได้ประเมินแล้วว่าโรงเรียนยังสอนชดเชยได้ทัน แต่หากปริมาณน้ำยังไม่ลดและ ศธ.ต้องประกาศเลื่อนเปิดภาคเรียนอีกครั้ง ก็คงส่งผลกระทบทำให้ต้องมีการปรับปฏิทินการศึกษาทั้งหมดแน่นอน
“สำหรับการเรียนชดเชยนั้น ผมได้สั่งการให้โรงเรียนเปิดการเรียนการสอนชดเชยในวันเสาร์แบบเต็มวัน และชดเชยในวันเรียนธรรมดาด้วยการเพิ่มชั่วโมงเรียนปกติอีก 1 ชั่วโมง” รมว.ศธ.กล่าว
ทางด้านโรงเรียนสังกัด กทม. นางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัด กทม.เปิดเผยว่า ทาง กทม.ได้สั่งให้ รร.ในสังกัด กทม.ทุกแห่งเลื่อนเปิดเทอมครั้งที่ 2 เป็นวันที่ 1 ธ.ค.นี้ พร้อมให้สอนชดเชยจนครบหลักสูตรตอนเย็นหลังเวลาเลิกเรียนปกติวันละ 1 ชั่วโมง และสอนชดเชยวันเสาร์เป็นเวลา 11 วัน
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้สำนักนโยบายและแผน (สนผ.) ไปจัดทำแผนรองรับ หากจำเป็นต้องเลื่อนเปิดเทอมไปหลังวันที่ 6 ธ.ค. ซึ่งจะมีผลทำให้ปฏิทินการศึกษาทั้งระบบต้องขยับตามไปด้วย ทั้งนี้ ต้องรอมติที่ประชุมร่วมหลายฝ่ายวันที่ 16 พ.ย.ว่าจะมีข้อสรุปอย่างไร ทั้งเรื่องของการรับนักเรียนปี 2555 การสอบต่างๆ รวมทั้งแอดมิชชั่นว่าจะปรับเลื่อนทั้งหมดหรือไม่
ความคืบหน้าการจัดหลักเกณฑ์การรับนักเรียนชั้น ม.1, ม.4 ของ รร.ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ประจำปีการศึกษา 2555 นายชินภัทรกล่าวว่า ที่ประชุม กพฐ.ในวันที่ 16 พ.ย.นี้ ตนจะนำหลักเกณฑ์และแนวทางเบื้องต้นการรับนักเรียนเสนอที่ประชุมให้พิจารณาใน 2 ประเด็น คือ 1.เสนอใช้ผลการสอบโอเน็ต สัดส่วนร้อยละ 20 ในการคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 ในโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงประมาณ 200 กว่าแห่ง ส่วนร้อยละ 80 เป็นคะแนนสอบของโรงเรียน 2.เสนอเพิ่มสัดส่วนห้องเรียนพิเศษใน รร.ที่มีอัตราแข่งขันสูง อาทิ หลักสูตรอิงลิชโปรแกรม, มินิอิงลิชโปรแกรม เป็นต้น ในปีการศึกษา 2555 อีกร้อยละ 10 โดยเป็นสัดส่วนห้องเรียนพิเศษร้อยละ 30 ห้องเรียนธรรมดาร้อยละ 70 เพราะข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี มีนักเรียนแห่สมัครเรียนห้องเรียนพิเศษจนเกิดการแข่งขันในสัดส่วนการสมัครและรับที่ 3:1
อย่างไรก็ตาม สำหรับเกณฑ์และแนวทางอื่นๆ เบื้องต้นยังเหมือนปีที่ผ่านมา อาทิ จำกัดจำนวนนักเรียนชั้น ม.1 ให้ไม่เกินห้องละ 50 คน, เปิดโอกาสให้นักเรียนชั้น ม.3 จากโรงเรียนอื่นๆ ทั้งโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนขยายโอกาสสามารถสมัครเข้า ม.4 ในโรงเรียนแข่งขันสูงได้.

Tags : , , , , , , | add comments