มักมีคำถามมากมายว่าการเรียนจินตคณิตทำให้คิดเลขเร็วจริงหรือ? ก่อนอื่นต้องมาดูกันที่วิธีการเรียนจินตคณิตด้วยลูกคิดญี่ปุ่นก่อนว่า การเรียนจะเป็นการสอนให้เด็ก จับคู่ 5 และคู่ 10  จนเกิดความเข้าใจ โดยการใช้คู่ ซึ่งทำให้เด็กๆ เวลาที่คิดเลขจะเป็นการจับคู่ โดยเลือกใช้คู่ที่ถูกต้องอย่างแม่นยำ

การจับคู่ในการเรียนจินตคณิต อาจถือว่าใกล้เคียงกับการคิดเลขในใจของเด็กโต หรือผู้ใหญ่ แต่มีความแตกต่างกันตรงที่การคิดด้วยลูกคิดไม่จำเป็นต้องไล่จับคู่ แต่เป็นการคิดเป็นลำดับตามโจทย์ และเป็นรูปธรรมตรงที่เขาเห็นเป็นเม็ดลูกคิด แต่การคิดเลขในใจเป็นการคิดแบบเป็นตัวเลข ที่ต้องอาศัยการไล่จับคู่ ซึ่งวิธีการที่แตกต่างกันนี้เองทำให้การคิดคำนวณที่เป็นภาพเม็ดลูกคิดเคลื่อนไหวได้จะคิดไปได้อย่างต่อเนื่องและเร็วกว่า การคิดเป็นตัวเลขแบบนิ่งๆ ที่จะต้องจับทีละคู่ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมการเรียนจินตคณิตจึงทำให้เด็กคิดเลขเร็วและถูกต้องแม่นยำกว่า แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์หลักของการเรียนจินตคณิตที่แท้จริง มันเป็นเพียงผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นเท่านั้น

ครูจา

Tags : , , , , , , , , , , , , , | add comments

ทัศนของผู้ปกครองหลาย ๆ คนที่ส่งบุตรหลานมาเรียนจินตคณิตส่วนใหญ่มุ่งหวังให้บุตรหลานมีการคิดคำนวณที่รวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดเนื่องจากการทำการตลาดการตลาดของสถาบันการสอนจินตคณิตเกือบทุกแห่งมักเน้นเรื่องความเร็วในการคิดคำนวณ นอกจากนี้ยังมีการจัดการแข่งขันคณิตคิดเร็วกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ถ้าเด็ก ๆ ได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งตัวเด็กและผู้ปกครอง ที่ต้องให้เวลากับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาเรื่องความเร็วและความแม่นยำ แต่ในปัจจุบันนี้สิ่งที่เด็ก ๆ ต้องเรียนรู้และฝึกฝนมีมากขึ้น เมื่อเทียบกับเวลาที่เด็ก ๆ มีอยู่ ทำให้การฝึกฝนของเขาต้องมีการจัดสรรเวลาให้เหมาะสมกับแต่ละครอบครัว

นอกจากเรื่องของเวลา(ของการฝึกฝนที่ต้องแบ่งไปให้กับการเรียนที่มาก) แล้ว ธรรมชาติของเด็กที่ถูกอบรมเลี้ยงดู หรือสิ่งแวดล้อมของเด็ก หล่อหลอมให้เด็กแต่ละคนมีธรรมชาติที่แตกต่างกัน หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ คงหนีไม่พ้นกระต่ายกับเต่า ซึ่งธรรมชาติของกระต่ายก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าเป็นสัตว์ที่มีความว่องไวมากเมื่อเทียบกับเต่า ดังนั้นหากเด็กที่ถูกเลี้ยงมาให้เป็นเด็กที่ทำงานทุกชิ้นอย่างประณีต มักใช้เวลากับงานแต่ละชิ้นเป็นเวลานาน หรือใช้เวลากับงานแต่ละอย่างแบบช้า ๆ การฝึกให้คิดเลขเร็ว ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะกับธรรมชาติของเด็กคนนั้น แต่เมื่อเทียบกับเด็กที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ถูกกระตุ้นให้ใช้เวลากับการทำงานแบบเร็ว ๆ การคิดเลขเร็วก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา หากเด็กได้รับการฝึกฝน อย่างสม่ำเสมอจะทำให้เขาคิดเลขได้เร็วและแม่นยำ แต่ในทางตรงกันข้ามหากเด็กไม่ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ สิ่งที่เกิดคู่กันกับความเร็วคือความผิดพลาด เมื่อเทียบกับเด็กที่ช้ากว่าแต่มีความรอบคอบ และแม่นยำมากกว่าน่าจะมีประโยชน์กว่าการที่จะฝึกให้เด็กเน้นแต่ความเร็วเพียงอย่างเดียว  เช่นเดียวกับนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า ที่เด็กหลาย ๆ คนที่ได้ฟังเรื่องนี้มักอยากเป็นเต่าที่มีมานะอดทนมากกว่าการเป็นกระต่ายที่มีแต่ความประมาท

หากเรามองถึงเรื่องเส้นชัย นั่นคือการที่เด็กสามารถสร้างศักยภาพของสมองทั้งสองด้าน ผ่านการคิดคำนวณ ก็ถือเป็นผลสำเร็จที่น่าชื่นชม

ครูจา

Tags : , , , , , , , , , , | Comments Off on เส้นชัยของเต่ากับกระต่าย

math02          เนื่องจากมีคำถามที่น่าสนใจ ทิ้งไว้ใน Facebook ของทางสถาบันว่า น้องอายุ 12 ปีจะช้าไปหรือไม่สำหรับการเรียนจินตคณิต  หรือหลาย ๆ คำถามมักถามถึงการเรียนจินตคณิตว่าอายุเท่าไรจึงจะเหมะสมในการเริ่มเรียนจินตคณิต  เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีพื้นฐานของการเลี้ยงดู และการเรียนที่แตกต่างกัน การเรียนจินตคณิตจึงไม่ตายตัวสำหรับเด็กทุก ๆ คน แต่จากสถิติและประสบการณ์ เรามักพบว่า เด็กในวัยอนุบาลที่เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับจำนวนและตัวเลข จะเป็นวัยที่สามารถเรียนรู้ได้โดยไม่รู้สึกว่าการเรียนลูกคิดง่ายหรือยากเกินไป เนื่องจากเป็นวัยที่ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่แล้ว และเมื่อถึงการจินตนาการภาพลูกคิด เด็ก ๆ ก็จะทำได้อย่างไม่ยากเย็นเหมือนเด็กที่โตกว่า ที่ผ่านกระบวนการคิดแบบทด หรือการคิดในใจ ที่ถูกฝึกมาจนชิน ทำให้การสร้างจินตภาพมักเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากกว่าเด็กเล็ก แต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กที่โตกว่าจะทำไม่ได้ เพียงแต่ว่าในช่วงสร้างจินตภาพนั้น เขาต้องใช้สมาธิและความพยายามในการจินตนาการในช่วงแรกมากกว่าเด็กเล็กเท่านั้นเอง แต่เมื่อได้รับการฝึกฝนก็สามารถทำได้ไม่ยากเช่นกัน

แต่ข้อได้เปรียบของเด็กเล็กอีกประการหนึ่งคือ หลังจากที่มีการฝึกใช้อย่างต่อเนื่อง เด็กเล็กมักเกิดความคุ้นเคยและคล่องแคล่ว เมื่อใดที่มีการคิดเลข ก็สามารถนำการจินตนาการมาใช้ได้ทันที และส่วนใหญ่มักได้คำตอบที่เร็วและแม่นยำ ส่งผลให้ทัศนคติในการเรียนคณิตศาสตร์ดี มีความมั่นใจในการเรียนมากขึ้นด้วย

Tags : , , , , , , , , , , , | add comments

จินตคณิตคืออะไร

จินตคณิตโดยลูกคิด คือการใช้ลูกคิดเป็นอุปกรณ์ในการเรียนรู้

เรียนจินตคณิตมีประโยชน์อย่างไร

ในการเรียนจินตคณิตนั้นจุดประสงค์หลักไม่ได้ให้เด็กนั้นสามารถคิดเลขได้เร็วและถูกต้อง แต่เป็นการเรียนโดยใช้ลูกคิดเป็นสื่อกลางในการบังคับใช้สมองทั้งสองซีก ซึ่งผลพลอยได้จากการเรียนคือ

  • การเข้าใจเรื่องจำนวนและตัวเลข เนื่องจากลูกคิดแต่ละแกนจะแทนค่าประจำหลักในแต่ละหลัก
  • การคิดเลขที่ถูกต้องและแม่นยำ ทั้งการบวก ลบ คูณ หาร และนอกจากนี้ยังช่วยให้เด็กที่เพิ่งเริ่มท่องสูตรคูณสามารถท่องจำได้อย่างแม่นยำ  มีผลการวิจัยทางสมองหลาย ๆ งานพบว่าศักยภาพสมองของเด็กนั้นมีไม่จำกัด แต่พ่อแม่ ผู้ปกครองส่วนใหญ่ปล่อยโอกาสของวัยนี้ โดยไม่ได้มีการส่งเสริมศักยภาพของวัยนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุให้พลาดโอกาสในวัยทองนี้ไป

ฟังก์ชั่นของสมอง

สมองของมนุษย์ประกอบด้วยกันอยู่ 2 ซึกนั่นคือ สมองซีกซ้ายและสมองซีกขวา เด็กประมาณ 95% จะใช้สมองซีกซ้ายเพียงซีกเดียว โดยขาดการใช้สมองซีกขวาซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของความฉลาด

หน้าที่ของสมองซีกซ้าย

  • การคิดวิเคราะห์ข้อมูล
  • ภาษา
  • การคำนวณ

หน้าที่ของสมองซีกขวา

  • การสังเคราะห์ข้อมูล
  • จินตนาการ
  • ความคิดสร้างสรรค์

สมองทั้งซีกซ้ายและขวานั้นจะมีการทำงานและประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน เป้าหมายของเราเพื่อกระตุ้นการใช้สมองทั้งสองข้างอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ การใช้สมองทั้งสองซีกของเด็กนั้นจึงเป็นศักยภาพที่แท้จริง แต่ ….    เราจะกระตุ้นการใช้สมองสองซีกพร้อม ๆ กันได้อย่างไร

การเรียนจินตคณิตโดยใช้ลูกคิดเป็นวิธีทางหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการใช้สมองสองซีกในเวลาเดียวกันได้ ในปัจจุบันการเรียนการสอนลูกคิดนั้นเราจะใช้ลูกคิดญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า “Soroban abacus” ซึ่งมีลูกคิดแถวบน 1 เม็ด และแถวล่าง 4 เม็ด การใช้ลูกคิดนี้สามารถปูพื้นความรู้เรื่องจำนวน การคำนวณให้แก่เด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ การคำนวณด้วยวิธีการใช้ลูกคิดนั้นทำให้เด็กสามารถคำนวณตัวเลขได้ถึง 10 หลักและสามารถจินตนาการได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องคิดเลขด้วย

ในการใช้ลูกคิดของเด็กนั้น ในขณะที่เด็กใช้มือในการเคลื่อนเม็ดลูกคิดนั้นจะเกิดการประสานระหว่างมือกับการกระตุ้นเซลสมอง เพื่อให้เกิดความสมดุลย์ของสมองทั้งหมด

นอกจากเรื่องการคำนวณแล้วการเรียนลูกคิดยังสามารถเพิ่มศักยภาพด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้อีกด้วย

  • ทำให้เด็กมีสมาธิ
  • เพิ่มศักยภาพของการจำ
  • ทำให้เด็กสามารถฟังและอ่านเร็วขึ้น

ในประเทศญี่ปุ่น นักการศึกษายังคงเชื่อมันกับการใช้ลูกคิดเพื่อช่วยเด็กพัฒนาการคิดเลขเร็ว ซึ่งมีส่วนช่วยให้

  • เด็กเข้าใจระบบตัวเลขฐาน 10 และค่าประจำหลัก
  • เข้าใจถึงหลักการยืม และการทดในการคิดคำนวณ

โรงเรียนในเอเชียหลาย ๆ โรงยังนิยมนำลูกคิดเข้าร่วมในหลักสูตรการเรียนการสอน ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงประถม 4 ซึ่งพบว่าเด็กทิ่เริ่มการเรียนการสอนด้วยลูกคิดก่อนการเรียนแบบเก่าจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องความสับสนกับการคิดเลขแบบปกติ แต่หากเด็กที่เริ่มการเรียนแบบปกติก่อน อาจต้องใช้เวลามากกว่าปกติเพื่อความเข้าใจในการใช้ลูกคิด

คำถามที่ถูกถามบ่อยๆ:

  1. ลูกคิดคืออะไร?
  2. การใช้ลูกคิดแตกต่างอย่างไรกับการใช้เครื่องคิดเลข?
  3. การเรียนลูกคิดมีข้อดีอย่างไร?
  4. อายุเท่าใดจึงเป็นอายุที่ดีที่สุดที่เริ่มเรียน?
  5. ลูกคิดมีกระบวนการคิดที่แตกต่างอย่างไรกับการคิดคำนวณที่สอนในโรงเรียนโดยทั่วไป?
  6. วิธีการใช้ลูกคิดทำให้เด็กสับสนกับการคิดคำนวณที่โรงเรียนหรือไม่ ?

ลูกคิดคืออะไร

ลูกคิดคืออุปกรณ์ที่คิดโดยประเทศจีนเมื่อ 2000 ปีที่แล้วเพื่อการคิดคำนวณ

การใช้ลูกคิดแตกต่างอย่างไรกับการใช้เครื่องคิดเลข?
การใช้เครื่องคิดเลขนั้นเด็ก ๆ เพียงใส่ข้อมูลลงในเครื่องแล้วให้เครื่องคำนวณออกมา แต่การใช้ลูกคิดนั้นเด็กจะต้องแปลงตัวเลขเพื่อดีดลงบนลูกคิดจนได้คำตอบออกมา หลังจากการดีดลูกคิดจนเกิดความชำนาญ เด็ก ๆ จะถูกฝึกให้จินตนาการในสมองซีกขวาได้อย่างแม่นยำ

การเรียนจินตคณิตด้วยการใช้ลูกคิดมีข้อได้เปรียบอย่างไร
ในประเทศญี่ปุ่นนักการศึกษายังสนับสนุนให้มีการเรียนการสอนลูกคิดในโรงเรียนเพื่อช่วยพัฒนาสมองส่วนของการคิดเลขเร็วหรือการจินตนาการ ซึ่งทำให้เด็กสามารถเข้าใจในระบบตัวเลข โดยเฉพาะในระบบตัวเลขฐาน 10 ซึ่งรวมถึงการเข้าใจในการยืมและการทด ความเข้าใจในคู่ 5 และคู่ 10

การเรียนจินตคณิตมีประโยชน์อย่างไรต่อเด็ก
การเรียนการคิดคำนวณด้วยลูกคิดนั้นจะช่วย…

  • ทำให้เด็กมีความมั่นใจในเรื่องการทำคณิตศาสตร์มากขึ้น
  • พัฒนาความสามารถในการคิดคณิตคิดเร็ว
  • ฝึกให้มีการคิดโดยอัตโนมัติ
  • เพิ่มการจินตนาการ
  • เพิ่มความสามารถในการแก้โจทย์คณิตศาสตร์
  • เพิ่ม/ฝึก สมาธิ

ช่วงวัยใดที่เหมาะในการเริ่มเรียนจินตคณิต
ไม่มีงานวิจัยใดสนับสนุนหรือระบุช่วงวัยที่แน่นอนในการเรียน แต่โดยส่วนใหญ่เด็กจะเรี่มเรียนในวัยอนุบาลจนถึงชั้นประถมปีที่ 4

การเรียนลูกคิดต่างจากการคำนวณแบบปกติอย่างไร
การคิดคำนวณโดยการใช้ลูกคิดนั้นจะมีการตีค่าของตัวเลขออกมาเป็นเม็ดลูกคิด ซึ่งต่างจากการคำนวณแบบปกติที่มีการคำนวณเป็นค่าตัวเลขที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ซึ่งเป็นผลให้สามารถสร้างภาพขึ้นได้บนสมองซีกขวา และยังเป็นผลต่อเนื่องจนส่งผลให้เกิดการคำนวณที่มีความรวดเร็วและแม่นยำ

การเรียนลูกคิดก่อให้เกิดความขัดแย้งหรือสับสนกับการเรียนในแบบปกติที่โรงเรียนหรือไม่?
โดยปกติเด็กที่เริ่มการเรียนลูกคิดก่อนที่จะคิดคำนวณคล่องนั้น มักไม่พบปัญหาและยังทำให้เด็กนั้นสามารถคำนวณได้ทั้ง 2 ระบบ แต่ในเด็กที่เริ่มเรียนหลังจากที่มีการคิดคำนวณจนคล่องแล้วนั้นมักต้องใช้เวลาในการเรียนที่ยากลำบากในช่วงแรก เนื่องจากการใช้ลูกคิดในช่วงแรกจะทำให้เด็กมีความรู้สึกยุ่งยากกว่าการคิดคำนวณแบบปกติ แต่หลังจากการใช้ลูกคิดจนคล่องก็จะสามารถสร้างจินตนาการขึ้นที่สมองซีกขวาได้เหมือนกัน

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , , , | add comments