imagesCA7NN9G2           หลาย ๆ คน คงเคยได้ยินคำว่า สมาธิสั้น หรือ ไฮเปอร์ กันบ่อย ๆ บางครอบครัวอาจสงสัยว่ามันคืออะไร แต่หลาย ๆ ครอบครัวอาจจะประสบปัญหาลูกน้อยของตนเองเป็นสมาธิสั้น เรามาลองทำความเข้าใจกับคำว่า สมาธิสั้นกันดีกว่า

สมาธิสั้น เป็นภาวะบกพร่องในการทำหน้าที่ของสมองในส่วนที่ควบคุมเรื่องของสมาธิ ซึ่งอาการหลักมักแสดงออกมาทางความผิดปกติทางพฤติกรรม 3 ด้านคือ

  1.  การขาดสมาธิอย่างต่อเนื่อง เด็กมักมีอาการเหม่อลอย   ขาดความพยายามในการทำงานที่ยากให้สำเร็จ สมาธิจะถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าได้ง่าย ไม่รอบคอบ
  2.  อาการอยู่ไม่นิ่ง ซุกซนมากกว่าปกติ  เล่นแรง ส่งเสียงดัง หยุกหยิก เด็กจะมีอาการน้อยลงเมื่อโตขึ้น (เป็นวัยรุ่น)
  3.  ขาดการยั้งคิด หุนหันพลันแล่น มีอาการใจร้อน วู่วาม อดทนรอไม่ค่อยได้

เมื่อเราได้รู้ถึงประเภทของอาการสมาธิสั้นแล้ว คราวนี้เราลองมาดูพฤติกรรมบ่งชี้ของอาการสมาธิสั้นดังต่อไปนี้

9 พฤติกรรมบ่งชี้การขาดสมาธิ

  1. การขาดความละเอียดรอบคอบ ความผิดพลาดมักเกิดจากความสะเพร่า
  2. ขาดความตั้งใจที่ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะในการทำงานหรือการเล่น
  3. ดูเหมือนไม่ฟัง เมื่อมีคนคุยด้วย
  4. ไม่ทำตามคำสั่ง หรือทำงานไม่สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย (โดยไม่ใช่เพราะดือ หรือไม่เข้าใจ)
  5. ขาดการจัดระเบียบในการทำงาน หรือกิจกรรมต่าง ๆ
  6. มักหลีกเลี่ยงงานที่ต้องใช้ความพยายาม
  7. มักทำของหายบ่อย ๆ
  8. วอกแวกตามสิ่งเร้าได้ง่าย
  9. มักหลงลืมในการทำกิจวัตรประจำวัน

9 พฤติกรรมบ่งชี้การไม่อยู่นิง – หุนหันพลันแล่นมีดังนี้

  1. ยุกยิก นั่งไม่นิ่ง
  2. มักนั่งไม่ติดที่ มักลุกจากที่นั้งในห้องเรียน
  3. มักวิ่งไปมา หรือปีนป่าย มากเกินควร
  4. เล่นหรือใช้เวลาอยู่เงียบ ๆ ไม่ค่อยได้
  5. มักไม่อยู่เฉย แสดงออกราวกับติดเครื่องยนต์ตลอดเวลา
  6. พูดมากเวินไป
  7. พูดโพล่งหรือตอบคำถามโดยไม่ฟังให้จบก่อน
  8. มักไม่ค่อยรอ
  9. ขัดจังหวะผู้อื่น เช่นการพูดแทรก หรือสอดแทรกการเล่นของผู้อื่น

การบ่งชี้ดังกล่าวข้างต้น ไม่ใช่ว่าเพียง 2 ใน 9 ข้อ แล้ววินิจฉัยเลยว่าเป็นสมาธิสั้น หากพฤติกรรมดังกล่าวต้องเป็นทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน และมีพฤติกรรมดังกล่าวอย่างน้อย 6 ข้อ และนอกจากนี้ยังต้องพิจารณาด้านอื่น ๆ ด้วย ได้แก่ ความซนตามวัยของเด็ก และ ปัญหาการเลี้ยงดูที่ขาดการฝึกระเบียบวินัย

หลังจากทราบกันแล้วในข้างต้น คราวนี้ก็ต้องมาดูที่วิธีรักษา จากข้อมูลมักต้องมีการผสมผสานการรักษาหลาย ๆ วิธีด้วยกัน โดยแพทย์ต้องให้ความรู้และคำแนะนำในการเลี้ยงดูเด็ก ร่วมกับการประสานงานกับครูเพื่อช่วยเหลือเด็กในระหว่างการเรียน ควบคู่ไปกับการฝึกสมาธิเด็กและการใช้ยาร่วมด้วย

การให้ความช่วยเหลือแก่เด็กสมาธิสั้นในเรื่องของการเลี้ยงดู

  1.  การจัดสิ่งแวดล้อมในบ้าน และกำหนดกิจวัตรประจำวันให้เป็นระเบียบแบบแผน
  2.  จัดบริเวณที่ไม่มีการรบกวนสมาธิ เพื่อให้เด็กมีสมาธิในการทำการบ้าน
  3.  แบ่งงานที่มาก ให้เด็กค่อย ๆ ทำทีละเล็กละน้อย โดยมีผู้ปกครองเป็นผู้กำกับดูแล จนงานเสร็จ
  4.  ควรพูดหรือสั่งงานในขณะที่เด็กพร้อมที่จะฟัง
  5.  ให้คำชมเมื่อเด็กทำงานแต่ละชิ้นสำเร็จ และวางเฉยเมื่อเด็กผิดพลาด
  6.  เบี่ยงเบนความสนใจ เมื่อเด็กเริ่มก่อกวนจากอาการสมาธิสั้น
  7.  ตั้งกฎการาลงโทษ โดยการลดเวลาของสิ่งที่เด็กชอบลง หรือ แยกเด็กให้อยู่ตามลำพัง
  8.  จัดกิจกรรม หรือกีฬาที่ต้องใช้แรง ให้กับเด็ก
  9.  ผู้ปครองควรเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องของระเบียบวินัย การรอคอย เพื่อสร้างนิสัยการมีระเบียบวินัยให้กับเด็ก

จากข้อมูลต่าง ๆ ข้างต้น จะเห็นได้ว่า การปรับพฤติกรรมเด็กสมาธิสั้นนั้น ไม่ใช่หน้าที่หรือความรับผิดชอบของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องมีการร่วมมือกัน ทั้งทางบ้าน โรงเรียนและแพทย์ผู้วินิจฉัยโรค หากขาดการร่วมมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ไม่สามารถแก้ไขพฤติกรรมที่เป็นปัญหา และสุดท้ายปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขก็จะกระจัดกระจายในสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่มา : http://www.psychiatry.or.th/JOURNAL/57-4/00-Vitharon.pdf

Tags : , , , , , , , , | add comments