จากกระแสที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหูตอนนี้  นั่นก็คือ รายการไทยแลนด์ ก๊อต ทาเลนท์ 2013 ที่มีการออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นการสัญญาณหลาย ๆ อย่างมายังสังคม หากกรณีนี้เป็นเรื่องจริงที่ไม่ใช่เจตนาของผู้จัดรายการ ก็สามารถสื่อให้เห็นได้ว่า สังคมไทยมันอยู่ในช่วงขาลงมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว มันเป็นสัญญาณของบ่งบอกถึงทัศนคติการดูแล เอาใจใส่ หรือ การเลี้ยงดู แต่สิ่งที่บ่งบอกชัดเจนคือ ผู้จัดรายการใช้สื่อโดยไม่นึกถึงผลกระทบของสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากรายการนี้เป็นรายการที่สามารถตัดต่อเทปได้  แต่ทางผู้จัดก็ไม่คิดจะตัดตอนนี้ออกไป อีกทั้งรายการนี้เป็นรายการในช่วงเย็นของวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่เด็ก ๆ ส่วนใหญ่มักอยู่หน้าจอทีวี แต่เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ในการสร้างกระแสเพื่อให้รายการเป็นที่กล่าวขวัญอีกครั้ง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ปกครองหลาย ๆ คนที่ปล่อยเด็ก ๆ ไว้หน้าทีวี โดยการเลือกช่วงเวลาของเด็ก ๆ ควรจะอยู่หน้าจอทีวี (ที่ผู้จัดรายการขาดสำนึกผู้รับผิดชอบต่อสังคม) ผู้ปกครองควรจะอยู่กับบุตรหลานเพื่อคอยชี้แนะ ทั้งในสิ่งที่ดี และสิ่งที่ไม่ดี เนื่องจากเด็ก ๆ ยังไม่สามารถเลือกเสพแต่รายการดี ๆ ได้ด้วยตนเอง

Tags : , , , , , , , , , , , , | add comments

สองมือแม่นี้ที่หายไป

Posted by malinee on Tuesday Sep 20, 2011 Under Uncategorized

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศตึงเครียด จะมีเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้นที่ไม่ต้องกังวล แต่สังคมโดยรวม หรือประชากรส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ กับความฝืดเคือง ภาวะเงินเฟ้อ ข้าวยากหมากแพง ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นปัจจัยภายนอกที่เป็นสาเหตุหลักทำให้เกิดภาวะที่จะต้องดิ้นรนเพื่อเพิ่มรายได้ ซึ่งอาจทำได้โดยการทุ่มเทกับงานให้มากขึ้น เพื่อโอกาสก้าวหน้าทางด้านการงาน ทำงานพิเศษ นอกเวลา ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวส่งผล 2 ด้าน นั่นคือ การมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น และ ผลทางด้านครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวที่เป็นครอบครัวเดี่ยว เนื่องจาก เมื่อพ่อแม่ให้ความสำคัญกับหน้าที่การงานมาก ก็จะทำให้เห็นความสำคัญของการอบรมเลี้ยงดูลูกน้อยลง เป็นสาเหตุของปัญหาสังคม จริยธรรม ที่เราได้ยินได้ฟังจนกลายเป็นความเคยชิน จนไม่มีใครมีสำนึกที่จะช่วยแก้ปัญหา
ปัญหาต่าง ๆ ในสังคมเมื่อสืบสาวกันลึก ๆ มักเกิดจากปัญหาพื้นฐานทางครอบครัวเป็นหลัก ความรุนแรงของปัญหานั้น ๆ ขึ้นอยู่กับว่า คนที่เป็นพ่อแม่ ผู้ปกครองนั้นตระหนักหรือรับทราบถึงปัญหาหรือไม่ มีสำนึกถึงหน้าที่ของความเป็นบุพการีมากน้อยเพียงใด ภาพรวมของผู้เป็นพ่อแม่ปัจจุบัน นิยมผลักเด็กออกจากตัวเองโดยไม่รู้ตัว แล้วมีคำพูดที่เป็นข้อแก้ต่างตลอดเวลาว่า ไม่มีเวลา ต้องทำงาน ไม่แม้กระทั่งหาข้อมูล (ที่แสนจะง่ายดาย และสะดวกสบาย) เกี่ยวกับพฤติกรรมในแต่ละวัย บางครอบครัวไม่มีเวลาถึงขนาดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกหลานของตนมีพฤติกรรมอย่างไร มีการเรียนย่ำแย่ หรือดีแค่ไหน ปล่อยให้หน้าที่ดังกล่าวเป็นของทางโรงเรียน และโรงเรียนกวดวิชา ส่วนตนเองมีหน้าที่หาปัจจัยต่าง ๆ มาบำรุง บำเรอ ความสุข ความสะดวกสบาย หรือหน้าตาทางสังคม โดยไม่เหลียวแลหน้าที่ในการอบรมบ่มนิสัย การขัดเกลาจิตใจ จึงทำให้เด็กมีความเชื่อ และค่านิยมผิด ๆ โดยขาดการชื้ทางที่ถูกที่ดี
ครอบครัวที่มีพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้น เมื่อดูภายนอกแล้ว เป็นครอบครัวที่มีความสุข สมบูรณ์ ก็เหมือนกับผลไม้ที่เน่าข้างใน โดยที่ผิวด้านนอกยังดูดีอยู่ เราจะไม่รู้เลยจนกว่าเราจะไปสัมผัส จับต้องมัน แล้วเจ้าหนอนตัวเล็ก ๆ ก็จะชอนไชออกมาพร้อมกลิ่นเหม็น เช่นเดียวกับปัญหาเล็ก ๆ ภายในครอบครัว หากเกิดในช่วงสั้น ๆ หากรู้แล้วสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที ก็สามารถกำจัดหนอนน้อยเพียงไม่กี่ตัวไปได้จากเนื้อทั้งชิ้น แต่ครอบครัวส่วนใหญ่ไม่รับรู้ และไม่พยายามที่จะหาสาเหตุของปัญหา ปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อ ผูกจากปมหนึ่งไปอีกปมโดยไม่สิ้นสุด จนสุดท้ายปัญหาต่าง ๆ ไม่สามารถคลี่คลายได้ ก็ปล่อยไปตามยถากรรม เมื่อครอบครัวซึ่งถือเป็นฐานของบ้านเมือง หากฐานเองยังไม่มีความมั่นคงแข็งแรงแล้ว ไหนเลยจะสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับตึกทั้งหลังได้เล่า ซึ่งปัญหาดังกล่าวต่าง ๆ เหล่านี้จะเบาบางลงถ้า พ่อแม่ให้ความสำคํญกับหน้าที่ของความเป็นพ่อแม่อย่างแท้จริง มิฉะนั้นก็รอวันที่ประเทศชาติจะล้มลงด้วยมือของทุกคนที่ไม่สำนึกในหน้าที่ของตนเอง

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , | add comments