การเรียนคณิตศาสตร์เป็นยาขมของเด็กๆ หลายคน พ่อแม่ผู้ปกครอง หลายๆ ครอบครัวก็ตระหนัก และหาวิถีทางแก้ไข โดยหาที่เรียนให้กับบุตรหลานว่า เพื่อนๆ เขาเรียนกันที่ไหนถึงทำให้เรียนได้ดี ก็แห่ตามกันไปเรียน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผลการเรียนไม่ดีขึ้น ก็เปลี่ยนที่เรียนไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นปัญหาเรื้อรัง ส่งผลให้บุตรหลานหนีและต่อต้านการเรียนคณิตศาสตร์ทุกวิถีทางที่จะทำได้เช่นกัน

            การแก้ไขปัญหาด้านคณิตศาสตร์กับเด็กในแต่ละวัย จะใช้เวลาแตกต่างกัน สิ่งที่สำคัญคือความร่วมมือระหว่างผู้ปกครอง เด็ก และครูผู้สอน ที่จะต้องให้เวลาซึ่งกันและกันในการร่วมกันแก้ปัญหา หากขาดความร่วมมือจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ก็ไม่มีทางเกิดสัมฤทธิผลที่ดีได้ ปัญหาที่เกิดกับเด็กประถมต้น ใช้เวลาไม่นานนัก เพราะปัญหาของวัยนี้ เกิดเนื่องมาจากทัศนคติที่เกิดจากตัวผู้สอนมากกว่าปัจจัยด้านอื่น หากปัญหาในประถมต้นไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาก็จะสืบเนื่องต่อยาวไปจนถึงมัธยม จนกลายเป็นการวางแผนการเรียนในอนาคตว่าจะหลีกหนีการเรียนคณิตศาสตร์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ได้คำนึงถึงอย่างอื่น

            แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าการเลือกเรียนในสายสามัญ (ซึ่งไม่ใช่สายวิชาชีพ) นั้น ไม่ว่าจะเลือกแผนศิลป์ภาษา ก็จำเป็นที่จะต้องเรียนคณิตศาสตร์ แต่หน่วยกิตที่เรียนน้อยกว่าแผนเรียนสายอื่น ทำให้เวลาเรียนน้อยกว่าสายอื่นด้วยเช่นกัน เมื่อมองต่อไปถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็จะเลือกคณะที่ไม่ต้องลงเรียนคณิตศาสตร์อีกเช่นกัน ซึ่งมีให้เลือกไม่ถึง 10 คณะในประเทศไทย ซึ่งแนวโน้มของเด็กทั่วโลกก็เป็นแนวโน้มนี้เช่นเดียวกัน กลายเป็นว่าเด็กที่จบมาในสายอาชีพเดียวกันมีอยู่ล้นตลาดแรงงาน โดยที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ (English Second Language) จะเกิดความเสียเปรียบทางด้านภาษาอีก ควบรวมกับการเลี้ยงดูที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่มีวุฒิภาวะ หากคุณเป็นผู้ประกอบการในยุค 4.0 (คำยอดนิยม) คุณจะเลือกบุคลากรประเภทไหนเข้าทำงาน ในขณะที่คุณมีตัวเลือกอยู่เต็มตลาดแรงงานไปหมด

            หากมองเห็นอนาคตเช่นนี้แล้ว เราลองมาช่วยกันทำให้เด็กๆ ของเราไม่หนีเลขกันดีกว่ามั้ย หรือร่วมกันแก้ปัญหากันตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้เค้าเป็นหนึ่งในตัวที่ไม่ถูกเลือกในอนาคต……..

Tags : , , | add comments