บันทึกอาเซียน | ASEAN Diary
Posted by malinee on Friday Jun 29, 2012 Under เกร็ดความรู้อาเซียน กับ ประเทศไทย และ คนไทย”
โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล
“อาเซียน” เป็นเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญมากสำหรับประเทศไทยและพลเมืองไทย เป็นความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราชาวไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต
“อาเซียน” เป็นเรื่องสำคัญสำหรับประชาชนพลเมืองในทั้งสิบประเทศที่รวมตัวกันเป็น “สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” หรือที่เรียกชื่อย่อว่า “อาเซียน” (ASEAN = Association of Southeast Asian Nations)
“อาเซียน” เป็นเรื่องสำคัญที่ยังมิได้ถูกกระตุ้นให้เห็นความสำคัญ
สื่อสารมวลชนทั่วไปยังไม่ตื่นตัวนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับอาเซียนในทางที่จะชี้ให้เห็นความสำคัญ
สื่อสารมวลชนไทยโดยทั่วไปรายงานข่าวสารเรื่องอาเซียนตามที่จะมีเหตุการณ์ ตามวาระของการเกิดกิจกรรมเท่าที่พอจะเป็นข่าวสารได้เท่านั้น ไม่มีการขยายความ วิเคราะห์ให้ลึกซึ้งมากพอถึงผลกระทบของความตกลงในความร่วมมือต่างๆใน “กรอบอาเซียน” ที่จะมาถึงตัวประชาชนพลเมืองไทยโดยตรง ทั้งผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อม การประชุมที่สำคัญของอาเซียนแต่ละครั้งหากไม่มีประเด็นขัดแย้งระหว่างประเทศ ผลการประชุมตามวาระหลักจะไม่ได้รับความสนใจจากสื่อสารมวลชนกระแสหลักทั้งหลายเท่าใดนัก
“อาเซียน” มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราทุกคน แน่นอน
แต่ข่าวสารที่จะอธิบายและย้ำเน้นให้สาธารณชนเห็นความสำคัญของ “อาเซียน” นั้นมีน้อยมาก หรือมี “ไม่มาก” พอ หากไม่เร่งรีบช่วยกันให้ข้อมูลข่าวสารและความรู้เกี่ยวกับอาเซียนเสียแต่บัดนี้ ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่สนใจว่าอาเซียนกำลังทำอะไรที่กระทบชีวิตความเป็นอยู่ของเราอย่างไร ตรงไหน และ เมื่อไร บ้างแล้ว อีกสี่ปีเศษข้างหน้าก็จะไม่ทันกาล เพราะถึงปี พ.ศ. 2554/ค.ศ.2015
หากเราไม่เตรียมตัวให้พร้อมที่จะเข้าสู่ “ประชาคมอาเซียน” ในปี 2558/2015
หากรัฐบาลไม่เตรียมประเทศและประชาชนให้พร้อม
ทั้งประเทศไทยและพลเมืองไทย ซึ่งหมายถึงเราชาวไทยทุกคน ก็จะมิอาจเป็นผู้นำใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ แล้วเราก็จะตกอยู่ในสภาวะผู้ตามที่ไม่มี “ขีดความสามารถในการแข่งขัน” กับใครในอีกเก้าประเทศในอาเซียนได้ ไม่ต้องพูดถึงการแข่งขันใน “กรอบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนอกภูมิภาคอาเซียน” เลย
“อาเซียน” มีความสำคัญต่อคนไทยและประเทศไทย แน่นอน
แต่ความสนใจสื่อสารเรื่อง “อาเซียน” อย่างจริงจังยังมีน้อยมาก ก็แน่นอนเช่นกัน
นี่คือที่มาของการเริ่มต้นเขียนคอลัมน์ “บันทึกอาเซียน” หรือ “ASEAN Diary” ที่นี่ เป็นประจำ ทุกวันจันทร์ ทุกสัปดาห์ อันที่จริงแล้วเรื่องของอาเซียนนั้น มีให้เขียน มีให้รายงาน มีให้วิเคราะห์ มีให้เล่าถึงมากมายได้ทุกวันไม่จบสิ้น การได้เขียนบันทึกอาเซียนที่นี่สัปดาห์ละหนึ่งครั้งจะเป็นการส่งต่อการเชื่อมโยงความสนใจไปยังแหล่งขอมูลข่าวสารอื่นที่หลากหลายกว้างไกลและแยกย่อยไปตามความสนใจของผู้อ่านแต่ละท่าน
ณ บทแรกของ “บันทึกอาเซียน” นี้ ขอบันทึกไว้แต่ตอนต้นก่อนว่า:
1. “อาเซียน” มีความสำคัญมากต่อชีวิตความเป็นอยู่และอนาคตการแข่งขันของประเทศไทยและพลเมืองไทยทุกคน
2. “อาเซียน” มีความสำคัญมากต่อชีวิตความเป็นอยู่และอนาคตการแข่งขันของรัฐสมาชิกอาเซียนทั้งสิบ พร้อมทั้งประชาชนพลเมืองทุกคนในทั้งสิบรัฐสมาชิกอาเซียนนั้น
รายละเอียดอื่นๆทั้งข่าวสารและสาระความรู้เกี่ยวกับอาเซียนจะทยอยนำมาเล่าสู่กันฟัง ประกอบด้วยการอธิบาย วิเคราะห์ และแลกเปลี่ยนทัศนะกันไปทุกสัปดาห์ ตลอดปี อย่างน้อยๆก็ตลอด 5 ปีข้างหน้า บันทึกเรื่อง “อาเซียน” จะมีให้อ่านกันไปจนถึงปีเกิดของ “ประชาคมอาเซียน” ในปี 2558/2015
ความสำคัญของอาเซียน
“อาเซียน” เป็นกลุ่มการรวมตัวของ 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อปี 2510/1967 โดยมีสมาชิกแรกก่อตั้ง 5 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย
ประเทศไทยมีสถานะพิเศษที่ชาวไทยภาคภูมิใจ เพราะไทยคือประเทศผู้ริเริ่มเสนอความคิดเรื่องการก่อตั้งอาเซียนในปี 2510/1967 เมื่อรัฐบาลไทยสมัยนายกรัฐมนตรีจอมพลถนอม กิตติขจร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พ.อ. (พิเศษ) ดร.ถนัด คอมันตร์ ได้เชิญรัฐมนตรีต่างประเทศจากอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ มาประชุมหารือและร่วมลงนามก่อตั้ง “สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” หรือ “อาเซียน” เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2510 / ค.ศ.1967 ณ กระทรวงการต่างประเทศ วังสราญรมย์ กรุงเทพมหานคร
ในเวลาต่อมามีอีก 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทยอยเข้ามาเป็นสมาชิกตามลำดับ คือ บรูไน, เวียดนาม, ลาว, พม่า และ กัมพูชา อาเซียนจึงมีสมาชิกรวม 10 ประเทศในปัจจุบัน เหลือติมอร์เลสเต (ติมอร์ตะวันออก) อีกเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคฯที่ยังมิได้เข้าเป็นสมาชิก ซึ่ง ณ ปี 2554/2011 กระบวนการรับติมอร์เลสเตเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนกำลังใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ในระยะเริ่มแรกอาเซียนทำงานร่วมกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ท่ามกลางความผันแปรของสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของโลก งานของอาเซียนจึงดำเนินไปอย่างช้าๆ มีการประชุมร่วมกันในระดับสูงสุด ระดับหัวหน้ารัฐบาล ที่เรียกว่า “การประชุมสุดยอดอาเซียน” (ASEAN Summit) ไม่บ่อยนักและ ไม่เป็นประจำรายปี บางครั้งก็เว้นช่วงประชุมนานหลายปี มีครั้งหนึ่งไม่มีการประชุมสุดยอดอาเซียนนานถึง 9 ปี แต่ด้วยเหตุแห่งความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในโลกที่นับวันจะต้องรวมกลุ่มเพื่อสร้างพลังต่อรองและสร้างความเข้มแข็งในเวทีโลกให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ในที่สุดอาเซียนก็เริ่มจริงจังกับการทำงานร่วมกันแบบเข้มข้นมากขึ้นจนมีการประชุมสุดยอดอาเซียนทุกปี รวมทั้งการประชุมร่วมกันในระดับรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐมากขึ้น มาถึงปี 2551-2552 / 2008-2009 ช่วงที่ประเทศไทยได้เป็นประธานอาเซียน การประชุมสุดยอดอาเซียนเริ่มมีปีละสองครั้ง ตามบทบัญญัติใน กฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter) ที่ประกาศให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2551/2008 เป็นต้นมา ต่อจากไทย เมื่อเวียดนามรับตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2010 ก็จัดการประชุมสุดยอดอาเซียน 2 ครั้ง มาปี 2011 อินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนก็จัดประชุมสุดยอดอาเซียนไปแล้วหนึ่งครั้งเมื่อเดือนเมษายน และจะจัดอีกครั้งในเดือนตุลาคม ปี 2011 ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 19 ในประวัติศาสตร์ 44 ปีของอาเซียน
ทุกครั้งทุกปีที่ผู้นำอาเซียนในระดับต่างๆประชุมหารือกันจะมีความตกลงในสนธิสัญญา อนุสัญญา พิธีสาร ปฏิญญา และความตกลงในโครงการ-แผนแม่บท-แผนงาน-แผนปฏิบัติการ มากมายหลายหลาก และทุกความตกลงล้วนมีผลบังคับให้ทำตาม ล้วนมีผลกระทบในทางพัฒนาสร้างสรรค์ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ของรัฐสมาชิกทั้ง 10 ประเทศทั้งสิ้น ความตกลงที่รัฐบาลไทยลงนามร่วมกับชาติอื่นๆในกรอบอาเซียนจะต้องปฏิบัติตามให้ลุล่วงไปพร้อมๆกัน หากฝ่ายไทย หรือประเทศใดประหนึ่งทำไม่ได้ หรือทำได้ช้า ก็จะเป็นฝ่ายเสียโอกาส หรือ “เสียเปรียบ” ผลเสียก็จะเกิดกับประชนของประเทศไทย หรือประเทศอื่นที่เกี่ยวข้องเช่นกัน ทุกวันนี้ผู้ที่ทำหน้าที่แทนประชาชนในกระบวนการทำงานร่วมกันในอาเซียนคือรัฐบาลและข้าราชการในระดับที่เกี่ยวข้องกับเจรจาทั้งหลาย การมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการเจรจาและตัดสินใจเป็นสิ่งที่รัฐบาลและอาเซียนต้องการ เพราะอาเซียนมีอุดมการณ์ในการให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางและให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มาก แทนที่จะปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น แต่ในเมื่อประชาชนยังไม่ได้รับข่าวสารความรู้มากพอและต่อเนื่อง ประชาชนก็จึงไม่ทราบว่าจะได้ประโยชน์และจะได้รับผลกระทบทั้งบวกและลบอย่างไร
เรื่องเศรษฐกิจ เป็นเรื่องเร่งด่วน มีผลกระทบต่อชาวไทยและชาวอาเซียนอย่างถึงตัวโดยตรงฉับพลันทันที อาเซียนมีความตกลงตั้งเขตการค้าเสรีกันและเริ่มเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2554/2010 และภายในปี 2558/2015 เขตการค้าเสรีอาเซียนจะบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการสถาปนา “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” ที่ทั้ง 10 ประเทศจะร่วมกันไปมาหาสู่เดินทางทำมาค้าขาย-ลงทุน-หางานทำข้ามพรมแดนกันอย่างเสรี ทั้งแข่งขันกันเองและผนึกกำลังร่วมกันแข่งขันกับประเทศอื่นในภูมิภาคอื่นในโลก
“ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” นี้เองที่จะกระทบพลเมืองไทยทุกคนอย่างชัดเจน
หากคนไทยไม่รู้ว่าอาเซียนคืออะไร กำลังทำอะไรที่เราจะได้รับผลกระทบ หรือจะทำให้เราได้โอกาสพัฒนาชีวิตเศรษฐกิจของเราได้อย่างไรบ้าง
หากเราไม่รู้ ไม่สนใจ ไม่ตื่นตัว แล้วพลเมืองอีก 9 ชาติในอาเซียนเขารู้ เขาสนใจ เขาตื่นตัว
ถึงวันนั้นเราก็พ่ายแพ้ เพราะไม่ใช้โอกาสในการพัฒนาตนเองเพื่อความอยู่รอด และพัฒนาตนเองให้เติบโตในโลกใหม่ที่อาเซียนเป็นเขตเศรษฐกิจของเราเอง
เรื่องเศรษฐกิจกระทบทุกคนโดยตรง และความตกลงทุกเรื่องทุกประเด็นมีแต่จะเดินหน้าต่อไป ไม่มีหยุดเดิน ไม่มีถอยหลัง
– เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเดินหน้าตามที่อาเซียนกำหนด
– ถ้าจะให้ดีเราก็ควรเดินนำหน้า เป็นผู้นำในอาเซียน
– หรืออย่างน้อยๆก็เดินคู่เคียงบ่าเคียงไหล่กันไป
– มิฉะนั้นเราก็จะทำได้เพียงเป็นผู้เดินตามหลัง ซึ่งมีใช่ศักดิ์ศรีของประเทศไทยและชาวไทยที่เป็นผู้นำอาเซียนมาตั้งแต่แรกให้กำเนิด ในวันที่ 8 สิงหาคม 2510/1967
ในด้านการเมืองและความมั่นคง อาเซียนก็ประกาศเป้าหมายก่อตั้ง “ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน” (ASEAN Political-Security Community) ในปี 2558/2015 เช่นกัน
ในด้านสังคมและวัฒนธรรม อาเซียนก็ยึดปี 2558/2015 เป็นปีก่อตั้ง “ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน” (ASEAN Socio-Cultural Community) อีกด้วยเช่นกัน
รวมแล้ว ปี 2558/2015 เป็นปีที่จะเกิดประชาคมอาเซียน 3 ประชาคม เรียกรวมกันทั้งหมดว่า “ประชาคมอาเซียน” (ASEAN Community)
ไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับประเทศไทยและประชาชนชาวไทย นอกจากจะเดินหน้าเต็มตัว คงความเป็นผู้นำในอาเซียนให้ได้ต่อเนื่องไป ด้วยการติดตามศึกษาหาข่าวสารความรู้เกี่ยวกับอาเซียนให้มากที่สุดอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพของตนเอง ให้เป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนและในโลกได้อย่างสมภาคภูมิ
สมเกียรติ อ่อนวิมล
1 สิงหาคม 2554/2011
ที่มา : Website : http://m2.truelife.com/guru/content.php?id=66330