ภาพลวงตา

Posted by malinee on Sunday Apr 22, 2018 Under เกร็ดความรู้

มีกระแสของการศึกษาที่มีอยู่เนืองๆ ว่าควรจะมีการยกระดับการศึกษาไทยให้มีคุณภาพดีทั่วประเทศเสียที  หลายๆ คนอาจกล่าวว่า ระบบการศึกษาในโรงเรียนควรจะมีการบูรณาการตามความสามารถของเด็ก หรือตามความสนใจของเด็ก ซึ่งเด็กแต่ละคนมีความพร้อมและ ความสนใจที่แตกต่างกัน จึงควรมีการจัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามความถนัดของเด็ก

แต่ในความเป็นจริงแล้ว เพียงการคัดเลือกข้าราชการครูเข้ามารับหน้าที่ในการสอน ยังไม่ตรงกับความถนัด หรือสาขาวิชาที่เรียนมาเลยด้วยซ้ำ อย่าพูดถึงคุณภาพของเด็กที่จะได้รับการเรียนการสอนที่ดีเลย นอกจากในส่วนของผู้สอนแล้ว ตัวผู้เรียนก็เป็นส่วนหนึ่งของคุณภาพในการเรียนด้วย เราต้องยอมรับก่อนว่าเด็กก่อนวัยเรียนในแต่ละครอบครัวก็มีความแตกต่างกันแล้ว ครูไม่ได้กล่าวถึงความพร้อมด้านเศรษฐกิจ แต่ ณ ที่นี้จะกล่าวถึงหน้าที่ในการสร้างความพร้อมในการเรียนรู้ก่อนวัยเรียน เด็กหลายๆ คนถูกปล่อยปละ หรือขาดทักษะทางด้านร่างกาย ซึ่งหมายถึงกล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ที่ส่งผลต่อทักษะในการเรียนรู้ในวัยเรียน ที่จะต้องใช้ทักษะพื้นฐานในช่วงก่อนวัยเรียน หลายๆ ครอบครัวที่มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่า การเล่นเกมส์เป็นการฝึกทักษะและภาษาให้กับเด็กโดยที่เด็กจะใช้นิ้วชี้เพียงนิ้วเดียวในการเล่นเกมส์ ซึ่งต่างจากการเล่นของเล่นที่เป็นชิ้น ที่สามารถเสริมสร้างทั้งกล้ามเนื้อ ความสัมพันธ์ของการทำงานระหว่างมือกับตา อีกทั้งยังได้เรื่องของจิตนาการอีกด้วย

เมื่อเด็กเข้าสู่วัยเรียน ก็ไม่มีความพร้อมที่จะเรียน เนื่องจากกล้ามเนื้อไม่พร้อม สมาธิไม่ดี หรือแม้กระทั่งไม่สามารถช่วยเหลือตนเองในเรื่องพื้นฐานที่ควรจะถูกฝึกจากบ้าน คิดเพียงแต่ว่าโรงเรียนมีหน้าที่ที่จะสอนให้บุตรหลานอ่านออกเขียนได้ โดยขาดการส่งเสริมพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ

มันจะเป็นธรรมกว่าหรือไม่ ถ้าต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ให้ถูกที่ถูกเวลา ไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างโยนความรับผิดชอบให้พ้นๆ ตนเองไป พ่อแม่ผู้ปกครองก็โยนความรับผิดชอบไปให้โรงเรียน ครูชั้นอนุบาลก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เพราะในที่สุดเด็กก็จะต้องขึ้นไปเรียนชั้นที่สูงขึ้นไปตามลำดับ นี่เป็นเพียงความรับผิดชอบในงานเล็กๆ ของตนเอง เราก็ไม่ต้องหันไปพึ่งใครที่มีหน้าที่เพียงไม่กี่ปี หรือไม่กี่วาระที่จะมาแก้ปัญหาการศึกษาของไทยเลย เพราะต่างก็คิดว่า ปีหน้าเราก็หมดวาระ หรือหมดหน้าที่แล้ว เพราะฉะนั้น ครอบครัวจึงเป็นสถาบันเล็กๆ ที่ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้แข็งแกร่งที่สุด อย่าไปหวังน้ำบ่อหน้า ซึ่งมันไม่มีจริงเลย มันเป็นเพียงภาพลวงตา

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , , , , | add comments

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำๆนี้..ฟังแล้วมันมีความหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับครอบครัวที่มีลูกคนเดียว เค้าเป็นทั้งแก้วตา ดวงใจ ทุกอย่างของชีวิตของคนเป็นพ่อและแม่และมันจะพร้อมกับคำว่า..#คาดหวัง…เพราะเค้าเป็นทุกอย่างเราเลยคาดหวังให้เค้าเป็นที่สุด เป็นที่หนึ่ง เป็นทุกอย่างอย่างที่ใจเราอยากให้เป็น ทุ่มเททุกอย่างให้เพื่อให้เค้าได้ดั่งใจเราให้เค้าเป็นในสิ่งที่เราต้องการ..ซึ่งในบางครั้งเค้าพยายามแล้วแต่มันจะไม่ได้เป็นในสิ่งที่เราต้องการทั้งหมด ไม่ได้ดั่งใจเราไปสะทุกอย่าง..พ่อแม่หลายคนผิดหวัง เพราะคาดหวังสูงเกินไป..ใช้วิธีการเปรียบเทียบเพื่อให้ลูกได้เห็นในสิ่งที่เราอยากให้เป็น..
.. ดูลูกบ้านนี้สิ เค้าสอบเข้ารร.ดังๆได้นะ..ดูพี่คนนี้สิ เค้าเอ็นติดวิศวะนะ ดูลูกเพื่อนแม่สิเค้าสอบได้ที่หนึ่งนะ สารพัดคำพูดที่สรรหามาพูดกับลูก บางคนเปรียบเทียบกับญาติตัวเอง ดูลูกป้า ลูกลุง ลูกอา ลูกน้า..เค้าเก่งกว่าเธออีก เธอไม่ตั้งใจ เธอไม่ได้ดั่งใจชั้นเลย..ดูลูกคนอื่นแล้ว เคยคิดมั้ยว่าลูกรู้สึกอย่างไร ..มองแต่ลูกคนอื่น เคยหันมาดูมั้ยว่าลูกตัวเองเสียใจกับคำพูดที่ตัวเองพูดหรือเปล่า..ลองมองย้อมกลับมาดูลูกตัวเองบ้างมั้ย..ซึ่งบางทีลูกไม่ได้แย่ไปกว่าลุกคนอื่นเลย แต่ความคาดหวังที่พ่อแม่มีมากเกินไปจนกลายเป็นการทำร้ายความรู้สึกของลูกตัวเอง..
วิธีการเปรียบเทียบลูกตัวเองกับลุกคนอื่นป็นการสร้างปมในใจให้กับลูกที่แย่ที่สุด เด็กจะคิดว่าหนูไม่เก่ง หนูไม่ดี หนูสู้คนอื่นไม่ได้ สุดท้าย จะมีคำถามตามมาว่า แม่ พ่อ ไม่รักหนู…ท้ายที่สุดถ้าปมนี้มันใหญ่ขึ้นเค้ากลายเป็นเด็กมีปัญหา แล้วมันมาจากใครหละ…มันจะดีกว่ามั้ย ถ้าเราลดการคาดหวังลงและหันมายอมรับในสิ่งที่ลูกเราทำได้อาจจะไม่ได้เป็นที่หนึ่ง ไม่ได้รับการชื่นชมจากคนอื่น แต่มันก้อไม่ได้แย่ และกำลังใจเดียว ที่ลูกอยากได้ เค้าไม่ได้อยากได้จากคนอื่น..
…อย่าให้ความคาดหวังที่มันมีมากจนเกินไป มาทำร้ายคนที่เป็นทั้งความรัก ทั้งชีวิต เป็นทั้งจิตใจ..และที่สำคัญเค้าเป็น..คนเดียว เค้าเป็น..ที่สุด และ เค้าเป็น..ที่หนึ่ง ในใจเราเสมอ..#ขอบคุณและสวัสดีค่ะ.

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , | add comments

โอ้ย! สับสน

Posted by malinee on Sunday Mar 29, 2015 Under เกร็ดความรู้

ดาวน์โหลด          ในช่วงปิดภาคเรียน ผู้ปกครองหลายๆ คนมักส่งบุตรหลานเรียนจินตคณิตเพื่อเป็นการพัฒนาสมอง  จริงอยู่ที่ว่าการเรียนจินตคณิตเป็นการเรียนเพื่อการพัฒนาสมอง แต่สิ่งที่ผู้ปกครองควรรู้เพิ่มเติมคือ การเรียนในระยะสั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนอะไร มักให้ผลสัมฤทธิ์ที่ไม่ดีนัก การเรียนจินตคณิตนอกจากข้อจำกัดว่าต้องมีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอแล้ว ยังเป็นการเรียนที่ลงรายละเอียดแม้กระทั่งวิธีการที่จะได้มาซึ่งคำตอบ ทั้งการบังคับใช้ลูกคิด และวิธีการดีด เพื่อให้เกิดประสิทธิผลที่ดีที่สุด การที่คุณพ่อคุณแม่ใส่ใจการเรียนของบุตรหลานเป็นเรื่องที่ดี แต่วิธีการที่คลาดเคลื่อนอาจก่อให้เกิดผลเสียนั่นเนื่องจากพ่อแม่มักพยายามที่จะสอนเนื้อหาโดยให้บุตรหลานดีดลูกคิดด้วยวิธีการของตนเองที่ใช้กับการคิดในใจ ซึ่งส่งผลให้เด็กสับสนและก้าวไปในเนื้อหาได้ไม่เร็วเท่าที่ควร วิธีการที่คลาดเคลื่อน ขอยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดขึ้น เช่นการส่งบุตรหลานไปเรียนภาษาจีน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่รู้วิธีการเขียนภาษาจีน ซึ่งมีรายละเอียดของลำดับขีดที่สำคัญต่อการเขียน มันทำให้เด็กเกิดความสับสนระหว่างสิ่งที่พ่อแม่สอน ซึ่งใช้ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของตนเองมาสอนเด็ก กับวิธีการที่ถูกต้องกับการเรียนในชั้นเรียน ทำให้เด็กไม่สามารถก้าวผ่านบทเรียนดังกล่าวได้เลย การเรียนจินตคณิตดูแล้วเหมือนการสอนให้เด็กคิดเลขในใจ ซึ่งผู้ใหญ่เกือบทุกคนมีประสบการณ์ในการคิดในใจอยู่แล้ว จึงพยายามช่วยบุตรหลานในวิธีที่ตนเองเข้าใจ ซึ่งคลาดเคลื่อนไปจากวิธีที่ใช้ในการเรียนการสอนจินตคณิต ดังนั้น การทำการบ้านจินตคณิตของบุตรหลาน พ่อแม่ผู้ปกครองเพียงแค่สอดส่องดูแลไม่ให้บุตรหลานนับนิ้ว หรือคิดในใจมา ส่วนวิธีการต้องปล่อยเป็นหน้าที่ของผู้เรียนให้ได้ฝึกทบทวนการเรียนด้วยตัวของเขาเอง จะเป็นการดีที่สุด

ครูจา

Tags : , , , , , , , | add comments

k7917520            จากบทความในครั้งก่อนๆ ที่กล่าวว่าการเรียนจินตคณิตในวัยที่แตกต่างกัน จะมีผลต่อการเรียนคณิตศาสตร์ที่แตกต่างกัน

คราวนี้เราจะกล่าวถึงการเรียนจินตคณิตในระดับอนุบาล – ประถมต้น ซึ่งการเรียนจินตคณิตเป็นการเรียนนำกระบวนการคิดคำนวณ นั่นคือการเรียนจินตคณิตจะเป็นการเรียนนำการเรียนในโรงเรียน ให้เด็กๆ ได้รู้จักการบวกเพิ่ม และการหักลบ รวมถึงการนำให้รู้จักเรื่องค่าประจำหลักในวิชาคณิตศาสตร์อีกด้วย นอกจากนี้แล้วหากการเรียนจินตคณิตอย่างต่อเนื่องจะยิ่งทำให้เด็กๆ สามารถที่จะคิดคำนวณได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เมื่อผ่านการบวกลบ จนคล่องแคล่วแล้ว การเรียนในระดับต่อไปคือการคูณ การหาร ซึ่งเป็นการนำเนื้อหาคณิตศาสตร์ในโรงเรียน เด็กที่คุณพ่อคุณแม่ เห็นความสำคัญของการเรียนคณิตศาสตร์ ก็จะเห็นเป็นเรื่องดีที่สามารถเตรียมความพร้อมให้กับบุตรหลานของตน แต่หลายๆ ครอบครัวไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากเด็กๆ มักรู้สึกว่าการเรียนในโรงเรียนยังง่ายกว่า หากพ่อแม่ผู้ปกครองคล้อยตามเด็ก ก็จะปล่อยให้เด็กๆ หยุดเรียนก่อน รอเวลาจนเด็กได้เจอกับเนื้อหาจริงที่โรงเรียน แล้วจะกลับมาเรียนอีกครั้ง แต่การเรียนจินตคณิตหากเว้นช่วงไปเป็นระยะเวลานาน จนทำให้การเรียนในโรงเรียนนำ ร่วมกับการเรียนจินตคณิตที่หยุดนิ่ง จะทำให้เด็กลืม ทำให้ต้องเริ่มกลับมารื้อฟื้นและฝึกทักษะซ้ำเดิมใหม่เกือบทั้งหมด ซึ่งการเรียนจินตคณิตที่นำโรงเรียน จนเด็กใช้การจินตนาการ ทั้งการบวกลบ คูณหาร แล้ว มันจะติดตัวเขาไปตลอด โดยไม่ลืม สิ่งต่างๆ เหล่านี้สำหรับเด็กเล็ก พ่อแม่ผู้ปกครองนั่นเองที่จะเป็นผู้ที่วางแนวทางให้กับบุตรหลานเอง นอกจากนี้ยังเป็นการฝึกบุตรหลานให้ได้เรียนรู้กับสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น

ครูจา

Tags : , , , , , , , , , , | add comments

5070402-head-silhouette-and-gears-mental-health-concept            ผู้ปกครองหลายๆคน ยังคงมีข้อสงสัยว่าจินตคณิตกับการคิดในใจเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร สิ่งที่เหมือนกันของการคิดในใจกับจินตคณิตก็คือ ผลลัพธ์ แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ วิธีการที่แตกต่ากัน มาดูการคิดในใจกันก่อน การคิดในใจคือการคิดคำนวณด้วยจำนวน โดยที่เด็กที่จะคิดในใจได้จะต้องมีทักษะ หรือครูชี้แนะวิธี เช่น 27 + 9  การ +9 ทำได้โดยการ  + 10 ก่อน แล้วค่อย -1 ซึ่ง 27 + 1สิบ (การบวก 1 ในหลักสิบ) ก็จะได้ 37 แล้วลดลง 1 (เนื่องจากบวกเกินไป 1) ก็จะได้ผลลัพธ์คือ 36  หรือการคิดในใจแบบการลบ ก็ทำได้เช่นกัน เช่น  22 – 8 การ -8 ทำได้โดยการ – 1 สิบ แล้ว +2 นั่นคือ 22 – 1สิบ จะได้ 12 แล้ว + 2 (การลบ 10 เป็นการลบเกินไป 2 ก็ต้องบวกกลับเข้ามา 2)ผลลัพธ์ก็คือ 14 นั่นเอง ซึ่งในการฝึกคิดเลขในใจ จะเห็นว่าเด็กจะต้องมีความเข้าใจอย่างแม่นยำในเรื่องของค่าประจำหลัก จึงจะทำให้เด็กมีการคำนวณที่ไม่ผิดพลาด

ส่วนจินตคณิตนั้น เป็นการคิดคำนวณเป็นภาพลูกคิด มีการเคลื่อนเม็ดลูกคิดขึ้นลง 4 มิติ การเห็นภาพเคลื่อนไหวของเม็ดลูกคิด (เราเรียกกันว่าการจินตนาการ) นั้น ทำให้เด็กสามารถจดจำคำตอบได้อย่างแม่นยำ หากเปรียบเทียบการคิดเลขในใจ กับการจินของจินตคณิต การคิดในใจเหมือนการอ่านวิทยานิพนธ์ หรืองานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ที่ต้องใช้ประสบการณ์ในการอ่านเพื่อทำความเข้าใจมาวิเคราะห์เป็นตัวหนังสือที่เป็นความเข้าใจของตัวเองอีกครั้ง ส่วนจินตคณิตเปรียบเหมือนกับการดูการ์ตูนที่เป็นภาพเคลื่อนไหวของเด็ก เด็กจะสามารถจำภาพเคลื่อนไหวได้ดีกว่า (ในเด็กเล็ก) การคิดเป็นจำนวน

ครูจา

Tags : , , , , , , , , , , | add comments

math_clipart            การเรียนจินตคณิตโดยใช้ลูกคิดเป็นสื่อนั้น ถ้าเด็กสามารถใช้จินตนาการได้ ก็ถือเป็นประโยชน์สูงสุดที่เป็นเป้าหมายสูงสุดของการเรียน ซึ่งในการเรียนในช่วงของการบวก ลบเราจะมีการแทรกการดีดต่อเนื่อง (การบวกซ้ำ ๆ) เพื่อเป็นการปูพื้นฐานในเรื่องของการคูณ เป็นการเตรียมน้องให้พร้อมกับการเรียนลูกคิดในระดับที่สูงขึ้น เมื่อเด็กได้เข้าใจเรื่องการบวกต่อเนื่อง ก็สามารถต่อยอดไปถึงการคูณ ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่เด็ก(เล็ก) ยังไปไม่ถึงบทเรียนในโรงเรียน ในขณะที่ทำให้เด็ก(โต) มีความเข้าใจภาพของการคูณที่ชัดขึ้น เมื่อเด็ก ๆ ดีดต่อเนื่อง (ทั้งบวกเพิ่ม = การคูณ หรือ การดีดแบบลด = การหาร) จนเกิดความเคยชิน ก็เสมือนการท่องสูตรคูณ ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่จะต้องใช้สูตรคูณในการดีด หรือการจิน ก็จะไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากสำหรับเด็กที่ยังไม่เรียนการคูณ การหารในโรงเรียน ได้อย่างสบาย

Tags : , , , , , , , , , , | add comments

math02          เนื่องจากมีคำถามที่น่าสนใจ ทิ้งไว้ใน Facebook ของทางสถาบันว่า น้องอายุ 12 ปีจะช้าไปหรือไม่สำหรับการเรียนจินตคณิต  หรือหลาย ๆ คำถามมักถามถึงการเรียนจินตคณิตว่าอายุเท่าไรจึงจะเหมะสมในการเริ่มเรียนจินตคณิต  เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีพื้นฐานของการเลี้ยงดู และการเรียนที่แตกต่างกัน การเรียนจินตคณิตจึงไม่ตายตัวสำหรับเด็กทุก ๆ คน แต่จากสถิติและประสบการณ์ เรามักพบว่า เด็กในวัยอนุบาลที่เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับจำนวนและตัวเลข จะเป็นวัยที่สามารถเรียนรู้ได้โดยไม่รู้สึกว่าการเรียนลูกคิดง่ายหรือยากเกินไป เนื่องจากเป็นวัยที่ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่แล้ว และเมื่อถึงการจินตนาการภาพลูกคิด เด็ก ๆ ก็จะทำได้อย่างไม่ยากเย็นเหมือนเด็กที่โตกว่า ที่ผ่านกระบวนการคิดแบบทด หรือการคิดในใจ ที่ถูกฝึกมาจนชิน ทำให้การสร้างจินตภาพมักเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากกว่าเด็กเล็ก แต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กที่โตกว่าจะทำไม่ได้ เพียงแต่ว่าในช่วงสร้างจินตภาพนั้น เขาต้องใช้สมาธิและความพยายามในการจินตนาการในช่วงแรกมากกว่าเด็กเล็กเท่านั้นเอง แต่เมื่อได้รับการฝึกฝนก็สามารถทำได้ไม่ยากเช่นกัน

แต่ข้อได้เปรียบของเด็กเล็กอีกประการหนึ่งคือ หลังจากที่มีการฝึกใช้อย่างต่อเนื่อง เด็กเล็กมักเกิดความคุ้นเคยและคล่องแคล่ว เมื่อใดที่มีการคิดเลข ก็สามารถนำการจินตนาการมาใช้ได้ทันที และส่วนใหญ่มักได้คำตอบที่เร็วและแม่นยำ ส่งผลให้ทัศนคติในการเรียนคณิตศาสตร์ดี มีความมั่นใจในการเรียนมากขึ้นด้วย

Tags : , , , , , , , , , , , | add comments

ครอบครัวในยุคปัจจุบันซึ่งส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยวมีลูกเพียงคนเดียว หรือไม่เกินสองคน ทำให้คนที่เป็นพ่อแม่คาดหวังกับตัวเด็กว่าจะต้องเรียนเก่ง ฉลาด  เคยสังเกตกันหรือไม่ว่าคำว่า อัจฉริยะ หรือ อัจฉริยภาพ เป็นคำที่มักถูกขายออกมาเป็นสินค้าต่าง ๆ มากมาย ทั้งหลักสูตร หรืออุปกรณ์ ของเล่นชนิดต่าง ๆ นับไม่ถ้วน          สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมก็คือ ความต้องการความสะดวกสบาย ใช้เวลาน้อย หรือสิ่งที่ง่ายต่อวิถีการดำเนินชีวิตของตนเอง โดยไม่เคยมองย้อนกลับว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ดำเนินไปโดยผิดธรรมชาตินั้นมันไม่ยั่งยืน เช่นเดียวกับการดูแลเด็ก เราจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ด้วยว่าในเด็กแต่ละคนมีธรรมชาติความสนใจ ที่แตกต่างกัน แต่มีสิ่งที่เหมือนกันคือ  พัฒนาการเป็นขั้น ๆ ที่ไม่แตกต่างกันมากนัก หากแต่ทุกวันนี้ เด็กส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงมาให้อยู่ในกรอบหรือในธรรมชาติที่พ่อแม่คอยจัดสรรขึ้น เพื่อกระตุ้น(หรือบางครอบครัวอยู่ในขึ้นบีบบังคับ) ให้เกิดการเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองเชื่อว่าดี          หากเราลองมองย้อนกลับไป เราจะพบว่าเด็กทุกคนนั้นจะมีการเรียนรู้ที่ดีผ่านการเล่น (ซึ่งไม่ใช่เกมส์คอมพิวเตอร์ หรือการดูทีวี) โดยเด็ก ๆ จะได้ทักษะหลาย ๆ ด้านขึ้นอยู่กับกฎ กติกาของการเล่นในแต่ละครั้ง การเล่นเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเด็ก เพื่อให้เกิดภาวะของการสังเกต จดจำ การเข้าร่วมกลุ่ม การรักษากฏ ระเบียบ นอกจากเด็ก ๆ  จะได้ฝึกทักษะแล้ว เรายังได้โบนัสชิ้นพิเศษ นั่นคือความสุขของเขา ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ความเป็นเด็ก นั่นหมายรวมถึงจินตนาการ ที่ไม่มีใครสามารเรียกมันกลับคืนมาได้          หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงลูกให้เป็นอะไรดี ก็ยึดแนวที่ว่าเราจะเลี้ยงลูกให้เขามีความสุข ซึ่งไม่ได้หมายความว่าตามใจในทุก ๆ เรื่อง หากแต่คิดพิจารณาว่าความรัก (ที่ไม่ใช่วัตถุ) และเวลา เรามีให้ลูกเพียงพอแล้วหรือยัง ถ้าทั้งสองอย่างมีแล้ว มันควรจะมีสิ่งที่สามตามมานั่นคือ รอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะที่มีความสุข         เมื่อเด็กมีความสุข ได้รับความรักที่สมบูรณ์มาจากครอบครัว เขาก็จะมีความกระตือรือร้นเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มีจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ (ธรรมชาติของเด็ก) เมื่อโตขึ้น เขาก็จะมีทักษะในการเรียนรู้ที่ดี หรือมีวิธีการแก้ปัญหาได้ด้วยตนเองต่อไป หากในทางกลับกัน เมื่อเราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว เสียงหัวเราะ หรือรอยยิ้มไม่เกิดขึ้น  นั่นเป็นสัญญาณเตือนภัยที่น่ากลัวอย่างหนึ่ง นั่นอาจเป็นเพราะตัวเราหรือลูกเรามีกำแพงบางอย่างกั้นไว้ไม่ให้สื่อถึงกันได้  สัญญาณนี้เป็นเหตุเตือนภัยว่าพ่อแม่ต้องหยุดพฤติกรรมบางอย่าง แล้วปรับตัวเองเพื่อให้ความสุขนั้นกลับมา หากมิฉะนั้น ภาษิตที่ว่า เลี้ยงลูกได้แต่ตัวก็จะเกิดขึ้นจริง เพราะใจเขาพยายามที่จะหาคนที่รักเขาตลอดเวลา    นั่นก็สรุปได้ว่า การจะเลี้ยงลูกให้ได้ดี นั้น ต้องทำให้เขามีความรัก ความอบอุ่น ที่เต็มที่ ซึ่งควรคู่มากับความสุข เมื่อเขารู้สึกเต็มทางจิตใจ อารมณ์ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ก็จะเป็นอารมณ์เชิงบวก นั่นเอง

ครูจา

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

Tags : , , , , | add comments

จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ออนไลน์
วันอังคาร ที่ 19 กรกฎาคม 2554
ดร.ธงชัย ชิวปรีชา ประธานอนุกรรมการด้านวิชาการโครงการพัฒนาโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยให้เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์ภูมิภาค เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับมหาวิทยาลัยถึงการสอบคัดเลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมได้กำหนดการรับนักเรียนชั้นม. 4 ของโรงเรียนจุฬาภรณฯ ทั้ง 12 แห่ง รอบสอง โดยรับสมัครวันที่ 1-31 ส.ค. และสอบวันที่ 19 พ.ย. โดยจะรับเพียง 120 คนเท่านั้น และมีการปรับเปลี่ยนแนวข้อสอบใหม่จากเดิมที่เป็นข้อสอบปรนัยมาเป็นข้อสอบอัตนัย เพราะที่ผ่านมาได้รับทราบจากผู้ตรวจข้อสอบพบว่า มีเด็กหลายคนทำข้อสอบแบบมั่ว ๆ กาผิดกาถูก ในขณะที่เราต้องการเด็กที่เก่งจริงไม่ใช่มาเดาข้อสอบ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนแนวข้อสอบเป็นอัตนัยเชื่อว่าจะทำให้ได้เด็กเก่งและมีคุณภาพอย่างแท้จริง เนื่องจากเด็กจะต้องใช้ความคิดและจินตนาการในการถ่ายทอดออกมาเป็นข้อเขียน

ดร.ธงชัย กล่าวต่อไปว่า เราต้องการสร้างเด็กให้คิดเป็น เพราะวิทยาศาสตร์สอนเรื่องของเหตุและผล ดังนั้นข้อสอบแบบใหม่จะสามารถทำให้เด็กสื่อสารกับคนอื่นเป็น และในอนาคตต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเพื่อออกไปสื่อสารกับคนภายนอกได้

“ผมอยากให้มั่นใจได้เลยว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีที่เด็กเรียนในโรงเรียนจุฬาภรณฯ จะได้เห็นคุณค่าของการเป็นนักวิจัย เพราะเราจะบ่มเพาะเด็กเหล่านี้ให้เป็นนักวิจัยในอนาคต เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยยังขาดแคลนบุคลากรด้านนี้อย่างมาก ส่งผลให้ต้องไปจ้างพวกต่างชาติมาทำงานให้ แต่ต่อไปเราจะได้นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งจากโรงเรียนแห่งนี้ เพื่อทำงานให้กับประเทศไทยในอนาคตแน่นอน” ดร.ธงชัย กล่าว.

Tags : , , , | add comments

           การเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับบุตรหลาน เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครอง จึงมักมีคำถามที่พบบ่อยกับการเรียนจินตคณิต หรือแม้กระทั่งคณิตศาตร์เอง ซึ่งแยกได้พอสังเขปดังนี้

–          วัยใดที่เหมาะกับการเรียนจินตคณิตที่สุด จากประสบการณ์ในการสอนพบว่าเด็กแต่ละคนมีความพร้อมที่แตกต่างกัน ซึ่งเราพบว่าการเรียนจินตคณิตในวัยที่เด็กยังไม่มีความชำนาญในการบวกลบตัวเลขที่คล่องจะได้ประโยชน์มากกว่า เนื่องจากเด็กที่คิดเลขได้คล่องแล้วจะรู้สึกยุ่งยากเมื่อต้องใช้ลูกคิดกับตัวเลขที่ง่าย ในขณะที่เด็กเล็ก ๆ ลูกคิดจะเป็นสื่อหรือเครื่องมือที่ช่วยให้เค้าได้คิดจำนวนซึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่งออกมาเป็นรูปธรรมได้ ซึ่งเมื่อเด็กมีการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวจนเกิดความคุ้นชินแล้ว มันยังสามารถสร้างจินตภาพให้เค้าได้อีกในระดับต่อไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเด็กที่คิดเลขคล่องไม่สามารถสร้างจินตภาพดังกล่าวได้ เพียงแต่การสร้างจินตภาพนั้นต้องผ่านการฝึกฝน ซึ่งเด็กทุกคนหรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่ก็สามารถฝึกฝนได้เช่นเดียวกัน แต่ภาพที่เกิดกับผู้ใหญ่นั้นไม่ชัดเจน หรือมันเกิดการผสมผสานระหว่างตัวเลขกับจินตภาพมากกว่าในเด็ก ซึ่งจะเป็นภาพชัดเจน

–          เด็กจำเป็นต้องคิดเลขให้ได้เร็วหรือไม่  เชื่อว่าทุกคนก็มีคำตอบอยู่แล้วว่าไม่จำเป็น แต่สิ่งที่จำเป็นกับเด็กก็คือ การคิดเลขได้คล่อง ซึ่งมีกระบวนการหรือวิธีอยู่มากมายที่จะให้ได้คำตอบจากคำถามเพียงคำถามเดียว ซึ่งขึ้นอยู่กับศักยภาพและวิธีการของเด็กแต่ละคน

–          ทำไมเด็กจึงต้องเรียนคณิตศาสตร์ การเรียนคณิตศาสตร์เป็นการเรียนเพื่อให้เด็กนั้นจะมีการเรียนแบบเป็นขั้นเป็นตอน ในช่วงแรกจะเป็นการเรียนในแนวของความเข้าใจด้านจำนวน ผ่านแบบฝึกหัดต่าง ๆ รวมถึงตัวเลขสัมพันธ์ มีการเรียนมิติสัมพันธ์ เพื่อเสริมสร้างจินตภาพ ต่อมาเป็นการฝึกทักษะกระบวนการคิดให้เป็นขั้นเป็นตอนผ่านการวิเคราะห์โจทย์ ซึ่งเป็นการพัฒนากระบวนการคิดเพื่อให้เด็กได้ฝึกความอดทน สมาธิการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

Tags : , , , , , , , , , , , , , | add comments