Nov 24
เคยสงสัยมั้ยว่า เรียนคณิตศาสตร์ไปเพื่ออะไร ทำไมคณิตศาสตร์ จึงเป็นวิชาหลักตั้งแต่ปฐมวัย หรือเด็กหลายๆ คนอ่ตเคยตั้งคำถามนี้กับคุณพ่อคุณแม่ สำหรับวิชาอื่นๆ คงไม่ยากกับการอธิบายให้บุตรหลานได้เข้าใจ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย เราก็รู้อยู่แล้วว่าเรียนเพื่อการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ส่วนวิชาสังคม ก็เพื่อให้รู้ประวัติศาสตร์ วิชาพละ ก็เพื่อออกกำลังกายให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ส่วนคณิตศาสตร์ละ ในเมื่อในที่สุดเราก็มีเครื่องช่วยอย่างเครื่องคิดเลขอยู่แล้ว และการทำงานหากไม่ได้เรียนเกี่ยวกับบัญชี คณิตศาสตร์แทบไม่มีส่วนในชีวิตประจำวันเลย
จุดประสงค์หลักในการเรียนคณิตศาสตร์นั้น เพื่อฝึกการคิดแก้ปัญหาอย่างมีเหตุมีผล โดยใช้ความรู้พื้นฐานที่ได้เรียนมา หรือการประยุกต์ใช้ความรู้พื้นฐานในการแก้ปัญหาหลายขั้นตอน เพื่อให้เด็กๆ ได้ฝึกกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ เนื่องจากคำตอบในโจทย์ปัญหาแต่ละข้อนั้นมักมีคำตอบเพียงคำตอบเดียว แต่ในการหาคำตอบสามารถคิดได้หลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรู้พื้นฐานของเด็กแต่ละวัยที่จะใช้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เราจะเห็นว่าเด็กๆ แทบจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเองเลย แม้กระทั่งการเรียน คราวนี้เรามาดูรายละเอียดการเรียนคณิตศาสตร์ของเด็กปัจจุบัน การเรียนในปัจจุบันนี้ เด็กๆ จะถูกส่งเรียนกวดวิชา ซึ่งเป็นการเรียนในแนวติว (นั่นคือการประยุกต์ใช้ความรู้พื้นฐานแล้ว) การเรียนในแนวติว เปรียบเหมือนกับการชี้ทางให้เด็กเรียบร้อยแล้ว โดยที่เด็กๆ ไม่ต้องฝึกทักษะหรือกระบวนการคิดขั้นพื้นฐานก่อน เนื่องจากพ่อแม่ผู้ปกครองเน้นผลการสอบหรือเกรดของเด็กเป็นหลัก จึงมักส่งเด็กเรียนในแนวดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้เด็กขาดการฝึกฝนทักษะกระบวนการคิดของตนเอง ดังนั้นหากต้องการให้เด็ก สามารถที่จะคิดเป็นระบบ เราควรให้อาวุธคือความรู้พื้นฐานแก่เด็กๆ ให้โอกาสและเวลากับเขา ในการฝึกทักษะและกระบวนการซึ่งเด็กๆ จะต้องเป็นผู้สร้างเองจากการทำแบบฝึกหัด เพื่อสั่งสมประสบการณ์ในการแก้ปัญหาได้อย่างรอบคอบและเป็นระบบในที่สุด
ครูจา
Oct 05
วันนี้เป็นวันสอบ TEDET ของเด็กหลายๆ โรงเรียน ผู้ปกครองหลายๆ คนก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นการสอบเพื่ออะไร รู้แต่เพียงว่าเป็นการสอบคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ แต่ไม่มีความเข้าใจว่าเป็นการสอบเพื่ออะไร ส่วนตัวเด็กซึ่งเพิ่งสิ้นสุดการสอบปลายภาค แล้วยังต้องสอบนอกรอบอีก ซึ่งเป็นวิชาหลัก โดยมีข้อสอบที่ค่อนข้างยากอีก จะสอบไปเพื่ออะไร
คราวนี้เรามารู้จักการสอบ TEDET กันว่าคืออะไร TEDET เป็นโครงการประเมินและพัฒนาสู่ความเป็นเลิศทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการ TME ซึ่งโครงการนี้จัดสอบคณิตศาสตร์ในระดับประถมศึกษาปีที่ 2 –มัธยมศึกษาปีที่ 3 ส่วนวิทยาศาสตร์ในระดับประถมศึกษาปีที่ 3 –มัธยมศึกษาปีที่ 3 ข้อสอบจะแยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นข้อสอบเพื่อการวัดความรู้พื้นฐานในระดับชั้นนั้นๆ และ อีกส่วนเป็นข้อสอบวัดอัจฉริยภาพหรือการประยุกต์เนื้อหาการเรียนเพื่อการแก้ไขปัญหา
เมื่อรู้จักการสอบ TEDET แล้ว มาดูความสำคัญของการสอบ การประเมินผลนอกจากจะเป็นการประเมินรายบุคคลแล้วยังมีการเปรียบเทียบกับกลุ่มโรงเรียน เด็กในระดับชั้นเดียวกันทั่วประเทศ การสอบดังกล่าวน่าจะเป็นผลดี เพื่อให้ผู้ปกครองที่ต้องการทราบว่าบุตรหลานมีอัจฉริยภาพ หรือบุตรหลานสามารถประยุกต์ใช้เนื้อหาที่เรียนมาในการแก้โจทย์ปัญหาได้ดีเพียงใด
เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ร่วมกันระหว่า สสวท กับประเทศเกาหลี ข้อสอบจะเป็นข้อสอบกลางที่เหมือนกันที่ส่งตรงมาจากประเทศเกาหลี ซึ่งเมื่อกล่าวถึงช่วงเวลาในการสอบนี้ ไม่เหมาะสมกับช่วงเวลาการเรียนการสอนของบ้านเรา ซึ่งเมื่อเทียบกับการเปิดเรียนของโรงเรียนอินเตอร์ หรือ ต่างประเทศเป็นช่วงของภาคการศึกษาใหม่ การสอบจึงเป็นการสอบย้อนเนื้อหาเดิมทั้งหมด แต่บ้านเราเป็นการเปิดภาคการเรียนการสอนไปเพียง 1 ภาคการเรียนเท่านั้น ยังมีความรู้บางเรื่องที่เด็กๆ อาจยังไม่เรียนมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อสอบ จึงมีผลให้เด็กๆ ได้ผลประเมินในเรื่องของความรู้พื้นฐานต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เมื่อความรู้พื้นฐานยังเรียนไม่ครอบคลุม ก็ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องการประยุกต์ใช้ความรู้ นอกจากช่วงเวลาที่แตกต่างกันแล้ว ยังมีการเน้นเนื้อหาในการเรียนรู้ หรือจุดประสงค์ของการเรียนรู้ระหว่างของบ้านเรากับต่างประเทศก็แตกต่างกัน ซึ่งก็ยังเป็นอีกปัจจัยหลักที่มีผลต่อการประเมินเช่นกัน หากจะมีการสอบในแนวนี้ ควรเลือกช่วงเวลาที่เด็กๆ ได้เรียนจบเนื้อหาในชั้นปีนั้นๆ ก่อน หรือเป็นการสอบย้อนเนื้อหา น่าจะเป็นธรรมกับเด็กไทยมากกว่า
ครูจา
Aug 10
พ่อแม่ ผู้ปกครอง เมื่อส่งบุตรหลานเรียนพิเศษ ย่อมหวังว่าบุตรหลานของตน ต้องเรียนอยู่ในระดับชั้น หรือมีความรู้เทียบเท่า และสามารถต่อยอดกับสถาบันต่างๆ ได้ทันที
หลายๆ วิชาอาจเป็นเช่นนั้น แต่ในความเป็นจริงของการเรียนคณิตศาสตร์ อาจไม่เป็นเช่นนั้น บางสถาบันที่เป็นการเรียนในกลุ่มใหญ่ จะไม่มีการทดสอบพื้นฐานความรู้ทางคณิตศาสตร์ สามารถเข้าไปเรียนในกลุ่มได้เลย ในการเรียนดังกล่าวจะไม่มีปัญหาใดๆ หากเด็กนั้นมีพื้นฐานความรู้ทางคณิตศาสตร์อยู่ในเกณฑ์ แต่หลายๆ คนที่มีพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ไม่เป็นไปตามชั้นเรียน จะไม่สามารถเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนในกลุ่มใหญ่ เนื่องจากความรู้พื้นฐานที่ต้องใช้ในการต่อยอดความรู้ไม่เพียงพอ เช่น เด็กๆ จะเรียนเรื่องร้อยละได้ยาก หากไม่มีความเข้าใจ หรือความรู้พื้นฐานเรื่องเศษส่วน และทศนิยม หรือเด็กจะไม่สามารถเข้าใจเรื่องเศษส่วนได้ ถ้าเขาไม่มีความเข้าใจเรื่องการคูณการหาร นั่นเอง ดังนั้นพ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรติดตามความเข้าใจในบทเรียนของบุตรหลาน โดยการติดตามจากผลการสอบกลางภาค และการสอบย่อยต่างๆ
การเรียนอีกรูปแบบหนึ่ง คือการเรียนในแนวของการปูพื้นฐาน หลายๆ สถาบันเลือกที่จะมีการทดสอบความรู้พื้นฐาน หรือทักษะทางคณิตศาสตร์ก่อน ว่าเด็กอยู่ในระดับใด ซึ่งก็เป็นไปได้ทั้ง เด็กถูกดันไปเรียนในระดับที่ยากกว่า หรือโตกว่าระดับชั้นจริง และในทางกลับกัน เด็กก็ต้องถูกลดระดับการเรียนลงเพื่อปรับพื้นฐานก่อน ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาในระดับจริงได้ ดังนั้นการเลือกสถานที่เรียน ต้องเลือกให้เหมาะกับความรู้พื้นฐานของบุตรหลานด้วย เพื่อไม่ให้เสียเวลา และได้ประโยชน์สูงสุด
ครูจา