มีกระแสมากมายเรื่องการเรียนพิเศษ​ มีทั้งนักวิชาการ​ นักวิจัย​ จิตแพทย์เด็ก​ ออกมาแสดงความคิดเห็น​ต่างๆ​ แต่โดยรวมไม่เห็นด้วยกับการเรียนพิเศษ
หากกล่าวถึงเรื่องการเรียนพิเศษ​ในบ้านเรา​ ต้องแยกออกเป็นกลุ่มย่อยๆ​ ออกเป็นกลุ่มๆ โดยหากแยกตามวัย​แล้ว​ เด็กเล็กก็ไม่มีความจำเป็น​ที่จะต้องเรียนพิเศษ​ เพราะไม่มีเรื่องที่ยากจนพ่อแม่ผู้ปกครองสอนเองไม่ได้​ แต่ในกลุ่มเด็กที่โตขึ้น​ ในช่วงของประถมปลาย​ ความจำเป็นเกิดขึ้นกับเด็กที่มีปัญหาการเรียนในชั้นเรียน​ กับเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องการให้บุตรหลานได้เรียนในโรงเรียนรัฐที่มีคุณภาพ​ ซึ่งหมายความถึงครูที่สอนในโรงเรียนดังกล่าวย่อมถูกคัดกรองอย่างมีคุณภาพ​เฉกเช่นเดียวกับเด็กที่ต้องฝ่าด่านการสอบคัดเลือกอย่างดุเดือดเข้มข้นไม่แพ้กัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้​ เกิดเนื่่องจากคุณภาพของโรงเรียนในบ้านเราไม่ได้อยู่ในมาตรฐาน​เดียวกันทั้งหมด​ คุณภาพของครูผู้สอนก็เช่นกัน​ หากเลือกได้ไม่มีใครอยากเป็นครูเลย​ ทำให้ครูในเครื่องแบบในปัจจุบัน​ หลังจากสอบบรรจุเป็นข้าราชการแล้ว​ ถ้าไม่ได้อยู่ในโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง​ ก็แทบไม่ได้คิดวิธีใหม่ๆในการสอนเลย​ สอนตามหน้าที่ให้หมดวัน..เด็กจะรู้เรื่องหรือไม่ก็แล้วแต่ พอคะแนนสอบออกมาสอบตก ครูก้อบอกให้ไปเรียนพิเศษ..เรียนกับครูก็จะได้คะแนนเยอะหน่อย แต่ถ้าเรียนที่อื่นคะแนนก้อตามความจริง..คิดเพียงแต่จะหารายได้เสริมจากการสอนพิเศษ​ให้เด็กมาเรียนกับตน จิตสำนึกของความเป็นครูเพื่อทำให้ลูกศิษย์​มีความรู้เหมือนครูในสมัยก่อนหายไป​ ซึ่งทำให้ผ้ปกครองทุกวันนี้ต้องหาที่เรียนพิเศษ..ไม่ใช่ความผิด ของครูแต่มันเป็นที่ระบบการศึกษาตั้งแต่สอบคัดเลือกเข้ามาเลยเพราะสอบราชการยากมาก ต้องติวจะมีค่าใช้จ่ายสูง เพื่อให้ผ่านการบรรจุ ซึ่งเขาถือว่ามันคือการลงทุน​ การเรียนพิเศษ​ในคนเอเชียกลายเป็นเรื่องปกติ​ ไม่ใช่เพียงแค่คนไทย​ เหตุผลเพียงเพราะ​ ใครๆก็อยากได้ในสิ่งที่ดีกว่าทั้งนั้น…
..#ฝากไว้สักนิด.. การเป็นครูไม่แค่สอนให้หมดวัน แต่เราต้องสอนเค้าในทุกเรื่องเพื่อให้เค้าเติบโตไปมีความรู้และเป็นคนดี..

Tags : , , , , , , , , , , , , , | add comments

                        สืบเนื่องมาจากในทุก ๆ ช่วงปิดเทอมจะมีเด็ก ๆ ที่ผู้ปกครองต้องการพาบุตรหลานของตนหาคอร์สเรียนเพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จินตคณิตก็เป็นอีกหลักสูตรหนึ่งที่ผู้ปกครองมักเลือกให้ลูกหลานของตนเองเรียน แต่เด็กหลาย ๆ คนไปไม่ถึงฝั่งที่ทั้งผู้ปกครองและครูผู้สอนตั้งใจไว้ สาเหตุอาจเกิดจาก

–          หลักสูตรจินตคณิต เป็นหลักสูตรที่จะต้องฝ่าด่านของการฝึกฝน (การใช้ลูกคิด) โดยการเลือกใช้คู่ (ซี่ใหญ่ กับ ซี้เล็ก) ต้องให้มีความถูกต้อง หากเลือกใช้คู่ผิด นั่นหมายความว่ากระบวนการคิดในข้อดังกล่าวก็ผิดตามไปด้วย ไม่ใช่ว่าในการคิดเลขแต่ละครั้งจะสามารถใช้สูตรจากลูกคิดได้หลายสูตร แต่เด็กหลาย ๆ คนที่ไม่มีความรอบคอบ ใจร้อน หรือไม่มีสมาธิเพียงพอ การเลือกใช้สูตรก็ผิดพลาดได้ การฝึกฝนให้เกิดทักษะที่คล่องแคล่วแม่นยำ ก็ต้องใช้เวลาบ้าง

–          ความคาดหวังของผู้ปกครอง แน่นอนเมื่อส่งให้บุตรหลานเรียนอะไร ย่อมต้องคาดหวังที่จะเห็นผลสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว  ปัจจุบันนี้สินค้าและบริการหลาย ๆ ชิ้น มักเน้นชูการตลาดเรื่องความเร็ว ซึ่ง

เป็นสินค้าที่ถูกพัฒนาขึ้นมาแล้ว แต่การเรียนจินตคณิตเป็นการเรียนที่ผู้เรียนจะต้องพัฒนาตนเอง

–          ผู้รับ (ผู้เรียน) และผู้ส่ง (ครูผู้สอน) เป็นปัจจัยที่มีผลมากที่สุดในการเรียน   นั่นคือหากผู้เรียนมีความเอาใจใส่ก็ทำให้มีความก้าวหน้าในการเรียน หรือในทางกลับกัน หากผู้เรียนไม่เปิดเครื่องรับสัญญาณ การเรียนก็จะไม่ก้าวหน้า หรือถดทอยลง ในแง่ของผู้ส่ง (ครูผู้สอน) ถือว่าเป็นปัจจัยที่มีผลทางด้านความรู้สึกของผู้เรียนมากกว่าด้านอื่น เนื่องจากครูผู้สอนต้องได้รับการอบรมด้านการสอน มาแล้วทุกคน

สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้หมายความว่าเด็กส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนจินตคณิต เพียงแต่จะชี้ให้เห็นว่าความสำเร็จของเด็กแต่ละคน จะต้องประกอบด้วยผ่ายต่าง ๆ 3 ฝ่ายดังกล่าวเสมอ  หากพ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องการเห็นลูกหลานประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ก็ต้องแลกกับความทุ่มเท เอาใจใส่ในตัวเค้าเหล่านั้นตั้งแต่ยังเล็กนั่นเอง

ครูจา

Tags : , , , , , , , , , , , , | add comments