Oct 08

ช่วงของการปิดภาคเรียนจะเป็นช่วงที่เด็กๆ บางคนจะได้พัก ในความหมายของพวกเขาคือการนอนตื่นสาย เล่นเกมส์ได้ทั้งวัน ทั้งคืนได้โดยไม่ต้องรียตื่นเพื่อไปโรงเรียนในตอนเช้า หลายๆ ครอบครัวก็ถือว่าเป็นช่วงที่เด็กควรว้างสมาธิสั้นในได้พักผ่อนสมองบ้าง จึงปล่อยให้เขาอยู่กับความสุขของเขาในช่วงปิดเทอม จนเด็กติดเกมส์ มีความสุขกับจอสี่เหลี่ยม ไม่สามารถแยกจากมันได้
ปัจจุบันเรามักจะได้ยินกันเสมอ เด็กคนนั้นต้องเป็นสมาธิสั้นแน่ๆ อยู่ไม่นิ่งเลย ส่วนเด็กหลายๆ คนนั่งนิ่งเลย สมาธิดีจัง ใครผ่านไปมาไม่ได้สนใจเลย (ในมือ ถือ tablet ) หลายๆ คนเข้าใจว่าสมาธิสั้นเป็นพฤติกรรมที่อยู่ไม่นิ่งของเด็ก แต่ในนิยามทางการแพทย์ ได้จำกัดความคำว่าสมาธิสั้นได้
3 ประเภทดังนี้
- สมาธิสั้นประเภทที่ไม่สามารถควบคุมตนเองให้อยู่นิ่งๆ ได้นาน ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดๆ ก็ตาม ชอบกิจกรรมผาดโผน เสี่ยงอันตราย
- สมาธิสั้นประเภท เหม่อลอย หรือเฉื่อย สมาธิสั้นประเภทนี้พบบ่อยในเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ ชาย จะมีอาการของการเหม่อลอย ทำงานไม่มีความรอบคอบ ไม่สามารถจัดการกระบวนการคิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และเป็นระบบได้ เหมือนมีสมาธิกับสิ่งที่ทำ แต่จริงๆ แล้วเหม่อลอยอยู่ ขาดสมาธิในการเรียนรู้ สมาธิสั้นประเภทนี้ ต้องสังเกตถึงจะพบพฤติกรรมดังกล่าว เพราะจะนั่งนิ่งได้นาน โดยไม่ได้ทำอะไรเลย การเรียนในชั้นเรียนจะถูกมองข้าม เพราะไม่ซน ไม่ดื้อ แต่จะเป็นเด็กที่เรียนอ่อน ตามเพื่อนไม่ทัน ทำงานช้า
- สมาธิสั้นแบบผสม เป็นสมาธิสั้นที่รวมทั้งสองแบบ แต่เด็กจะมีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ทั้งพฤติกรรมและคำพูด การกระทำ
สิ่งใดๆ จะขาดความยั้งคิด
สาเหตุของการเกิดความผิดปกติดังกล่าว มีงานวิจัยพบว่า การหลั่งสาร dopamine ที่เป็นสารที่หลั่งในระบบประสาทของสมองเพื่อช่วยควบคุมเรื่องพฤติกรรม สมาธิ การเรียนรู้ ให้กับเด็กคนนั้นมีระดับที่ต่ำกว่าปกติ ควบคู่กับการเลี้ยงดูของเด็กในครอบครัวนั้นๆ เนื่องจากสังคมในปัจจุบันที่มีความรีบเร่ง ซึ่งมีส่วนในการกระตุ้นทำให้เกิดความผิดปกติ อีกทั้งสิ่งเร้าที่มีอยู่มากมายรอบตัว อาการสมาธิสั้นของเด็กจะสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ก่อนวัย 7 ขวบ งานวิจัยพบว่า หากเด็กไม่ได้รับการปรับพฤติกรรมและได้รับการรักษา จะทำให้เขามีปัญหาในการเรียน เนื่องจากสมาธิที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ และจะพอกพูนความไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เขาขาดความมั่นใจในการเรียน เบื่อหน่าย ดังนั้นเราควรหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่เพิ่มอาการสมาธิสั้นลง ซึ่งได้แก่ อาหาร หรือขนมที่ให้พลังงานสูงๆ การปล่อยให้อยู่กับเกมส์ หรือทีวี สิ่งที่ควรทำเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มอาการ ได้แก่ การให้เขาได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ การสร้างระเบียบวินัยให้เขาปฏิบัติตาม และการจัดบ้านให้มีระเบียบ
ไม่ว่าจะเป็นสมาธิแบบใด ก็ไม่สามารถหายได้ หากมีอาการมากขึ้น แพทย์จำเป็นที่จะต้องใช้ยา ซึ่งจะต้องใช้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต คงจะดีหากเราป้องกันไม่ให้บุตรหลานมีความผิดปกติดังกล่าว โดยการหลีกเลี่ยงจากสิ่งเร้าที่ก่อให้เกิดความผิดปกติขึ้นตั้งแต่ในบ้าน ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ปฐมวัยกันดีกว่า
Nov 12

ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เป็นการส่งผลการประเมินการเรียนรู้ของเด็กๆ จากทางโรงเรียน เด็กหลายๆ คนผ่านการทุ่มเทในการอ่านหนังสือ และทบทวนบทเรียน เป็นผลให้ผลการเรียนออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ อดไม่ได้ที่จะต้องให้รางวัลแก่ความเพียงพยายาม และความตั้งใจ
รางวัลที่เด็กๆ อยากได้ในปัจจุบัน หรือพ่อแม่เลือกให้เป็นของรางวัลมักเป็นโทรศัพท์มือถือ แทปเลต หรือ เงินในเกมส์ การให้รางวัลของพ่อแม่ มักคิดว่าเพื่อเป็นกำลังใจ และตอบแทนในความตั้งใจ นอกจากนี้แล้วยังเป็นสิ่งที่บุตรหลาน ต้องการอีกด้วย จึงไม่ลังเลที่จะให้ แต่เป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากเด็กที่มีเครื่องมือสื่อสารแบบไร้พรมแดน สามารถท่องโลกออนไลน์อย่างอิสระ เมื่อใดก็ได้นั้น เป็นการเปิดโอกาสให้สิ่งเร้ามีผลกับสมาธิ และการเรียนรู้ของบุตรหลานอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการปิดกั้นให้บุตรหลานมีโลกส่วนตัวที่เราไม่สามารถเข้าถึงได้ ไม่สามารถรู้ความคิดที่เกิดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่จะเป็นตัวบ่งชี้ได้ดีที่สุด คือ การประเมินผลการเรียนรู้จากทางโรงเรียน การรายงานพฤติกรรมทั้งด้านการเรียนรู้ ที่ไม่มีสมาธิ และพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดขึ้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้หากสะสมนานเข้า ปัญหาก็จะยิ่งสะสมตามเวลาที่ถูกปล่อยผ่าน จนในที่สุดไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลย
ดังนั้นในเมื่อการให้รางวัลกับบุตรหลาน เป็นสิ่งที่อยากตอบแทนในความตั้งใจ พ่อแม่ควรจะเป็นผู้กำหนดรางวัลที่มีคุณค่า ควรพิจารณาถึงผลดีผลเสีย ที่จะส่งผลต่อตัวเด็กเป็นหลัก เพราะต่อไป เพราะเมื่อเขาเติบโตจนสามารถเป็นผู้เลือกด้วยตนเอง พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องมีหน้าที่ชี้แนะให้เขาต่อไป
May 29
ในยุคปัจจุบันที่เป็นยุคโลกาภิวัฒน์ (Globalization) ทำให้โลกดูแคบลง วิวัฒนาการรวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ มีการแผ่ขยายไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว การเชื่อมโยงกันอย่างไร้พรมแดนส่งผลให้การใช้เวลาในการหาข้อมูล การติดต่อสื่อสารได้แม่นยำและรวดเร็ว แต่ในทางกลับกัน การรับเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เราให้เวลาในการศึกษาถึงผลดี ผลเสียน้อยเกินไปจนทำให้เกิดผลเสีย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็คือ เกมส์
เกมส์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มของเด็กในยุคปัจจุบัน คือเกมส์ที่ผู้เล่นมักเป็นตัวทำลายล้าง หรือ โจรปล้นธนาคาร ที่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหนีตำรวจ หรือแม้กระทั่งการยิงตำรวจเพื่อให้ได้แต้มมา ในเกมส์จะสอนวิธีการปล้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เมื่อเด็กได้เริ่มเล่น ในช่วงแรกจะเป็นการเรียนรู้วิธีเล่นจนรู้สึกสนุก จนเกิดการหล่อหลอมจนเด็กเป็นเด็กที่ก้าวร้าวโดยไม่รู้ตัว พ่อแม่ผู้ปกครองก็ปล่อยปละละเลย เพราะถือว่าเป็นเพียงเรื่องในเกมส์ จนกระทั่งการหล่อหลอมนานวันเข้า จนความก้าวร้าวกลายเป็นนิสัยของเด็กโดยที่พ่อแม่หลายๆ ครอบครัวไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ไม่สามารถดึงเด็กออกจากเกมส์ได้ ไม่สามารถใช้เหตุผลกับเค้าได้ ก็ได้แต่มานึกเสียใจกับการหาเพื่อน (ผู้ก้าวร้าว) ให้กับลูกในวันที่ผ่านมา
อย่าให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับครอบครัวของใครเพิ่มขึ้นอีกเลย มิฉะนั้นสังคมเมืองไทยจะกลายเป็นสังคมแห่งความก้าวร้าว เห็นแก่ตัว ในอนาคตอันสั้นไม่นาน
ครูจา
Oct 11
หลังจากปิดภาคเรียนกันมาซักระยะหนึ่งแล้ว เราจะพักเรื่องการเรียนไว้ซักระยะหนึ่ง แต่คราวนี้เราจะกล่าวถึงพฤติกรรมของเด็กในช่วงปิดเทอม หลายๆครอบครัวในช่วงปิดภาคเรียนเลือกที่จะให้เด็กๆหยุดอยู่กับบ้านเพื่อเป็นการพักผ่อน พ่อแม่ผู้ปกครองหลายๆ คนปล่อยเด็กให้อยู่กับเกมส์ โดยไม่ได้สอดส่องว่าเด็กเล่นเกมส์ประเภทไหน ปล่อยให้เด็กอิสระอยู่กับเกมส์เป็นเวลานาน ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะเป็นเกมส์การแต่งตัว แต่งหน้าตุ๊กตา แต่สำหรับเด็กผู้ชายเกมส์ที่เด็กๆ นิยมเล่นก็ไม่พ้นเกมส์การต่อสู้ ซึ่งการจะเอาชนะในเกมส์มักใช้ความรุนแรง เด็กๆ จะถูกหล่อหลอมโดยไม่รู้ตัวว่าการใช้กำลังเป็นสิ่งที่ทำให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ จนทำให้เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว เมื่อเข้าสังคมในโรงเรียนก็จะใช้ความรุนแรงกับเพื่อนๆ จนไม่มีใครต้องการจะเล่นด้วย ในที่สุดก็ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เมื่อเค้ารู้สึกโดดเดี่ยว ยิ่งส่งผลให้มีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจโดยใช้ความรุนแรงมากขึ้น ปัญหาดังกล่าวจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องจากปัญหาดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นเราจึงควรป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว โดยจำกัดเวลา และเลือกประเภทของเกมส์ให้กับบุตรหลานเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงหรือพฤติกรรมก้าวร้าว
ครูจา
May 25
Posted by malinee on Wednesday May 25, 2011 Under เกร็ดความรู้
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน หรือยุคที่เราเรียกกันว่า Globalization ซึ่งมันทำให้เราสามารถเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
ในขณะที่ชีวิตในแบบที่เป็นคนไทยก็เปลี่ยนแปลงไป ร้อยละ 70 – 80 ของครอบครัวในยุคปัจจุบัน พ่อและแม่จะต้องทำงานนอกบ้าน แล้วปล่อยให้ลูกอยู่กับพี่เลี้ยง ในช่วงก่อนวัยเรียน แต่เมื่อโตขึ้น บทบาทของพี่เลี้ยงก็จะน้อยลง ตัวเด่นในวัยเรียนในยุคปัจจุบันมักเป็นทีวี อินเตอร์เน็ท และ เกมส์ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากมีการเลือกใช้หรือกำหนดเวลาก็จะเป็นประโยชน์ แต่หลาย ๆ ครอบครัวที่ให้สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมานั้นมักไม่มีเวลาในการเลือก ถือว่ามันเป็นตัวฆ่าเวลาให้อยู่เป็นเพื่อนลูก ซึ่งแฝงไว้ด้วยความก้าวร้าว จึงทำให้มีงานวิจัยหรือผลสำรวจมากมายทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าวว่า เด็กไทยไอคิวต่ำ และทำให้แนวโน้มของเด็กรุ่นใหม่ เป็นเด็กที่ไม่มีความอดทนกับการรอคอย ไม่พยายามทำในสิ่งที่ยาก หรือต้องใช้ความสามารถ รวมถึงขาดสมาธิในการเรียน เป็นเหตุให้เด็กไม่มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่พยายามฝึกฝนในการฝ่าฝันอุปสรรค ไม่มีทักษะในการแก้ปัญหา
ถ้าเด็กในวัยเรียนยังไม่มีความพยายามในการเรียน แล้วเมื่อไหร่เขาเหล่านั้นจะพร้อมที่โตเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบตัวเอง ครอบครัวและสังคม ดังนั้นหยุดทำร้ายเขาด้วยการหยิบยื่นสิ่งมอมเมาหรือ สิ่งเร้าในวัยที่เขายังไร้เดียงสา ยังไม่รู้จักเลือกสิ่งที่ควรและไม่ควร ก่อนที่จะทำลายอนาคตของเขาไปชั่วนิรันดร์