สอนยังไงดี?

Posted by malinee on Sunday Sep 13, 2015 Under เกร็ดความรู้

bad-test-scores-clip-art-1804207            เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงของฤดูการสอบปลายภาคอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านพ้นการประกาศผลการเรียนกลางภาคที่ผ่านมา จึงทำให้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่างกันระหว่างผู้ปกครอง 2 กลุ่มที่มีความคิดเห็นต่างกัน คือ กลุ่มแรกสอนให้บุตรหลานเดาข้อสอบเพื่ออย่างน้อยให้ได้คะแนนมาบ้าง แต่อีกกลุ่มสอนให้บุตรหลานเว้นข้อที่ทำไม่ได้ หรือส่งกระดาษเปล่า เพื่อเป็นการแจ้งให้ทั้งครูและพ่อแม่ผู้ปกครองได้ทราบว่าตนเองเรียนไม่รู้เรื่อง แล้วคุณผู้ปกครองทั้งหลายคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ

ครูจา

Tags : , , , , , , , , | add comments

วันนี้เป็นวันสอบ TEDET ของเด็กหลายๆ โรงเรียน ผู้ปกครองหลายๆ คนก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นการสอบเพื่ออะไร รู้แต่เพียงว่าเป็นการสอบคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ แต่ไม่มีความเข้าใจว่าเป็นการสอบเพื่ออะไร ส่วนตัวเด็กซึ่งเพิ่งสิ้นสุดการสอบปลายภาค แล้วยังต้องสอบนอกรอบอีก ซึ่งเป็นวิชาหลัก โดยมีข้อสอบที่ค่อนข้างยากอีก จะสอบไปเพื่ออะไร

คราวนี้เรามารู้จักการสอบ TEDET กันว่าคืออะไร TEDET เป็นโครงการประเมินและพัฒนาสู่ความเป็นเลิศทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการ TME ซึ่งโครงการนี้จัดสอบคณิตศาสตร์ในระดับประถมศึกษาปีที่ 2 –มัธยมศึกษาปีที่ 3 ส่วนวิทยาศาสตร์ในระดับประถมศึกษาปีที่ 3 –มัธยมศึกษาปีที่ 3    ข้อสอบจะแยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นข้อสอบเพื่อการวัดความรู้พื้นฐานในระดับชั้นนั้นๆ และ อีกส่วนเป็นข้อสอบวัดอัจฉริยภาพหรือการประยุกต์เนื้อหาการเรียนเพื่อการแก้ไขปัญหา

เมื่อรู้จักการสอบ TEDET แล้ว  มาดูความสำคัญของการสอบ การประเมินผลนอกจากจะเป็นการประเมินรายบุคคลแล้วยังมีการเปรียบเทียบกับกลุ่มโรงเรียน เด็กในระดับชั้นเดียวกันทั่วประเทศ การสอบดังกล่าวน่าจะเป็นผลดี เพื่อให้ผู้ปกครองที่ต้องการทราบว่าบุตรหลานมีอัจฉริยภาพ หรือบุตรหลานสามารถประยุกต์ใช้เนื้อหาที่เรียนมาในการแก้โจทย์ปัญหาได้ดีเพียงใด

เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ร่วมกันระหว่า สสวท กับประเทศเกาหลี ข้อสอบจะเป็นข้อสอบกลางที่เหมือนกันที่ส่งตรงมาจากประเทศเกาหลี ซึ่งเมื่อกล่าวถึงช่วงเวลาในการสอบนี้ ไม่เหมาะสมกับช่วงเวลาการเรียนการสอนของบ้านเรา ซึ่งเมื่อเทียบกับการเปิดเรียนของโรงเรียนอินเตอร์ หรือ ต่างประเทศเป็นช่วงของภาคการศึกษาใหม่ การสอบจึงเป็นการสอบย้อนเนื้อหาเดิมทั้งหมด แต่บ้านเราเป็นการเปิดภาคการเรียนการสอนไปเพียง 1 ภาคการเรียนเท่านั้น ยังมีความรู้บางเรื่องที่เด็กๆ อาจยังไม่เรียนมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อสอบ จึงมีผลให้เด็กๆ ได้ผลประเมินในเรื่องของความรู้พื้นฐานต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เมื่อความรู้พื้นฐานยังเรียนไม่ครอบคลุม ก็ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องการประยุกต์ใช้ความรู้ นอกจากช่วงเวลาที่แตกต่างกันแล้ว ยังมีการเน้นเนื้อหาในการเรียนรู้ หรือจุดประสงค์ของการเรียนรู้ระหว่างของบ้านเรากับต่างประเทศก็แตกต่างกัน ซึ่งก็ยังเป็นอีกปัจจัยหลักที่มีผลต่อการประเมินเช่นกัน หากจะมีการสอบในแนวนี้  ควรเลือกช่วงเวลาที่เด็กๆ ได้เรียนจบเนื้อหาในชั้นปีนั้นๆ ก่อน หรือเป็นการสอบย้อนเนื้อหา น่าจะเป็นธรรมกับเด็กไทยมากกว่า

ครูจา

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , | add comments

 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

อึ้ง ! ครูคณิตสอบตก 60% ในวิชาที่ตัวเองสอน เผยคะแนนเด็กไทยเทียบนานาชาติ อยู่ในระดับแย่ ด้าน อดีต สวพ. ชี้ต้นเหตุมาจากนักการเมืองที่ทำให้ระบบการศึกษาไทยล่มสลาย

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2556 นายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ อดีตประธานคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาคุณภาพ (สวพ.) กล่าวถึงกรณีที่ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะทำการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่า เป็นการรีบปรับเปลี่ยนเกินไป และไม่ได้ดูบริบทอื่น ๆ เลยว่า เขตพื้นที่การศึกษาจะมีปัญหาเรื่องการจัดการหรือไม่ และการผลิตครูมีคุณภาพมากน้อยเพียงใด แต่กลับไปปรับหลักสูตรจากเดิม 8 สาระกลุ่มการเรียนรู้ ให้เหลือ 6 กลุ่มเท่านั้น ซึ่งจะทำให้เกิดความยุ่งยากสับสนและวุ่นวาย ทั้งตัวเด็กและผู้ปกครอง

โดยเฉพาะตัวครูเองก็คงจะลำบากมากขึ้น เนื่องจากหลักสูตรเดิมก็ยังสอนไม่ได้เลย อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็มีการทดสอบครูผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์แล้วพบว่า ครู 60% สอบตกในวิชาที่ตัวเองเป็นคนสอน ดังนั้น หากมีหลักสูตรใหม่เกิดขึ้น เชื่อว่าก็จะต้องมีการอบรมครูเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อตัวเด็ก เนื่องจากครูต้องทิ้งนักเรียนไว้ ทำให้ไม่มีเวลาสอนอย่างเต็มที่

นายชัยณรงค์ กล่าวอีกว่า ตนมองว่าขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องปรับหลักสูตรใด ๆ และการระบุว่าการปรับหลักสูตรให้เหลือ 6 กลุ่มสาระ จะทำให้เด็กมีชั่วโมงเรียนที่น้อยลงนั้น เป็นเรื่องที่ไร้สาระ เนื่องจากวิชายังอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่แค่มาจัดหมวดหมู่และเปลี่ยนชื่อใหม่เท่านั้นเอง ส่วนกระบวนการคิดของคนปรับหลักสูตรก็ยังเป็นแบบวิทยาศาสตร์ ที่คิดถึงแต่ผลผลิต พอผลผลิตออกมาไม่ดีก็คิดแต่จะเปลี่ยน ซึ่งตนคิดว่าระบบนี้นำมาใช้กับระบบการศึกษาไม่ได้

นอกจากนี้ นายชัยณรงค์ กล่าวถึงผลการสอบโครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ หรือ PISA ว่า การประเมินดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าเด็กไทยมีคุณภาพการศึกษาที่ล้มเหลว โดยคะแนนของเด็กนั้นได้มาจากการท่องจำเพียงอย่างเดียว ทั้ง ๆ ที่ PISA มีคะแนนในหลายด้าน อาทิ การคิดวิเคราะห์ การสร้างสรรค์จินตนาการ และการนำไปใช้แก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์จากคะแนนนานาชาติ จะเห็นได้ว่า คุณภาพของเด็กไทยลดลงอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับ 30 ปี ที่แล้วที่เด็กไทยมีคะแนนอยู่ในระดับดี แต่หลังจากนั้นคะแนนก็ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ในระดับที่แย่ ส่วนสาเหตุเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงใน ศธ. และนักการเมืองทั้งหลายที่เข้ามาแย่งงบประมาณหลายแสนล้าน อีกทั้งใช้บุคลากร ศธ. มาเป็นฐานเสียงให้กับพรรคของตัวเอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของระบบการศึกษาไทย

ที่มา : http://education.kapook.com/view74467.html

Tags : , , , , , , , , | add comments