ช่วงเวลาของการสอบคัดเลือกเข้าเรียนในระดับชั้นต่างๆ มีหลายๆ ครอบครัวที่ดีใจ และอีกหลายๆ ครอบครัวที่มีน้ำตาเปื้อนใบหน้า เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่พ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องมีหน้าที่คอยประคองความรู้สึกและให้กำลังใจบุตรหลาน ให้เขาได้เรียนรู้ถึงความผิดหวังบ้าง เพราะในชีวิตคนเราไม่มีใครที่จะสมหวังในทุกๆ เรื่อง เพื่อเป็นบทเรียนให้เค้าได้ตั้งความหวังให้สูง และไปถึงจุดนั้นให้ได้ด้วยความเพียรพยายาม

แต่หลายๆ ครอบครัวจะหลีกเลี่ยงไม่ให้บุตรหลานของตนเองในการสอบคัดเลือก โดยการให้เข้าโรงเรียนที่มีการเรียนยาว โดยไม่ต้องมีการเปลี่ยนโรงเรียน ทุกอย่าง พ่อแม่ ผู้ปกครองจะเป็นผูวางแผน หรือดำเนินการ คิดแทน ทำทุกอย่างแทนให้จนกลายเป็นการบ่มเพาะนิสัยของความเฉื่อย ไม่มีความคิดที่จะริเริ่มหรือทำอะไรด้วยตัวเอง เมื่อโตขึ้นจะไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะไม่เคยถูกฝึกทักษะด้านใดเลย ไม่เคยวางแผนการทำงาน หรือ อนาคตตนเอง เค้าจะดำเนินชีวิตอย่างไร ถ้าชีวิตเค้าขาดผู้อุปถัมภ์ ดูแล

มันจะดีกว่ามั้ย ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครอง อบรมเลี้ยงดูเค้าเหล่านั้นให้ได้รู้จักหน้าที่ของตนเองตั้งแต่วัยเด็ก แล้วเพิ่มหน้าที่ให้มากขึ้น ส่วนพ่อแม่ผู้ปกครองต้องลดการดูแลในส่วนของตนเองลง ให้เค้าได้เรียนรู้ที่จะคิดวางแผนเป็นระยะๆ เช่น การทำการบ้าน ให้เค้าได้ทำด้วยตนเอง ไม่ใช่ช่วยจนเค้าไม่สามารถทำการบ้านได้ด้วยตนเอง อ่านหนังสือสอบ ต้องให้เค้าค่อยๆ เรียนรู้ที่จะสะกดคำ จนคล่อง ไม่ใช่อ่านให้เค้าฟังทุกครั้ง ทักษะที่ต้องใช้เวลา และที่ควรจะได้รับการฝึกฝน  ก็จะไม่เกิดขึ้น ให้เค้าได้ดูแลตัวเอง มีความภูมิใจในตัวเอง มีความมั่นใจในตัวเอง เรียนรู้ที่จะผิดหวัง เรียนรู้ที่จะมุ่งมั่นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จลุล่วง หากพ่อแม่ผู้ปกครอง เลี้ยงดูบุตรหลานแบบที่คิดแทนเค้าในทุกๆ อย่าง สักวันที่เค้าไม่มีเรา ชีวิตเค้าจะเดินต่อไปอย่างไร ในเมื่อเค้าไม่เคยได้รับการฝึกฝนใดๆ เลย อย่าทำร้ายเค้าด้วยการดูแลที่เกินความจำเป็นกันอีกเลย ขนาดดักแด้ที่อยู่ในไหม สักวันนึงมันก็ต้องกลายเป็นผีเสื้อที่ต้องกางปีกของตนเองออกมาสู่โลกกว้างในที่สุด

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , , | add comments

ในปัจจุบันถือว่าเป็นโลกแห่งความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะหาอะไรจะทำอะไรก็ง่ายดาย เช่นเดียวกัน ที่เรียนของลูกก็จะยากอะไร มีให้เลือกอยู่เยอะแยะไม่ว่าจะเรียนอะไร เดินสยามมีทุกชั้น ทุกวิชา

จริงอยู่ที่สถาบันกวดวิชามีมากมายหลากหลาย มีทั้งเรียนเดี่ยว เรียนกลุ่ม หรือแม้กระทั่งรับสอนตามบ้าน  ถ้าลูกเรียนวิชาไหนไม่รู้เรื่องก็ส่งไปเรียนตามสถาบันต่างๆ บางครั้งปัญหาของความไม่เข้าใจก็ได้รับการแก้ไข  แต่หลายๆ ครั้งปัญหาไม่อาจแก้ไขได้ บางครั้งปัญหาที่ต้องการการแก้ไข ไม่ใช่ปัญหาของการเรียน แต่เป็นปัญหาทางด้านพฤติกรรม

ทำไมครูถึงบอกว่าปัญหาของการเรียนเกี่ยวกับปัญหาทางพฤติกรรม เนื่องจากเด็กหลายๆ คนถูกบ่มเพาะนิสัยที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเกิดอะไรรอบตัว ไม่รู้จักหน้าที่ของตนเอง จากการที่คิดแทน ตัดสินใจแทน หรือแม้กระทั่งการบ้าน รายงานแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นหน้าที่ของตนเอง ร่วมกับการส่งความสุขให้กับบุตรหลานผ่านเกมส์ ทีวี การ์ตูน ซึ่งเป็นข้ออ้างว่าต้องการให้เขาได้พักสมองบ้าง

การบ่มเพาะดังกล่าวให้เวลาเพียงไม่ถึงสามเดือน เด็กก็จะมีบุคลิกเฉื่อย ไม่สนใจต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ไม่มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ มีโลกส่วนตัว กลายเป็นเด็กเรียนรู้ช้าในที่สุด ซึ่งเป็นเหตุให้ผลการเรียนตกต่ำลงเรื่อยๆ กว่าสัญญาณดังกล่าวจะส่งถึงผู้ปกครอง ก็ต้องใช้เวลานาน เนื่องจากเด็กที่มีบุคลิกดังกล่าวไม่ใช่เด็กที่ป่วน หรือไม่เชื่อฟังครู  เป็นเด็กที่เงียบ เฉย ซึ่งการเรียนในโรงเรียนเป็นกลุ่มใหญ่ ครูจะเข้าใจว่าเป็นบุคลิกส่วนตัว ก็ปล่อยผ่านไป

เหตุการณ์ดังกล่าวเหล่านี้ เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ ทางสถาบันมักถูกตั้งคำถามอยู่บ่อยครั้งว่าจะแก้อย่างไร หรือเรียนอะไรดี จะช่วยได้ ครูตอบได้เพียงแต่ ไม่มีวิชาใดแก้พฤติกรรมที่บ่มเพาะจากทางบ้านได้ นอกจากการแก้พฤติกรรมในบ้านด้วยตัวของพ่อแม่ผู้ปกครองเองเท่านั้น

Tags : , , , , , , , , , , , , , , | add comments

14203384_968698529925001_8198100263205897913_n….การบ้าน….พอพูดคำนี้เด็กๆทุกคนมักส่าหน้ากันทั้งนั้น เพราะวันๆหนึ่งเรียนตั้งหลายวิชาและมีการบ้านทุกวิชา(อันนี้ครูเข้าใจค่ะ)แต่..เหตุผลของการให้การบ้านในทุกวิชาที่เรียน มันก็เพื่อทบทวนบทเรียนเพื่อฝึกทักษะความเข้าใจ โดยเฉพาะในวิชาหลัก เช่น คณิต อังกฤษ วิทย์ ไทย สังคมฯลฯ โดยเฉพาะเลขต้องมีการบ้านในทุกครั้งที่เรียน(ซึ่งเด็กๆไม่อยากได้เป็นพิเศษ) เพื่อทบทวนความเข้าใจ ผู้ปกครองส่วนใหญ่จะช่วยเด็กคิดและทำการสอนการบ้านในวิธีการที่เราเคยเรียนผ่านมาก่อนซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดีในการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว แต่การสอนตามที่เราเคยเรียนมาก่อนนั้นใช้ได้กับในบางวิชาเท่านั้น เพราะในบางวิชาก็มีวิธีคิดวิธีหาคำตอบในแบบของเค้า โดยเฉพาะวิชาจินตคณิตที่ใช้ลูกคิดเป็นสื่อในการสอนจะมีวิธีคิดตามแบบฉบับของตัวมันเองซึ่งผู้ที่เรียนเท่านั้น ที่จะสามารถใช้วิธีดีดลูดคิด เทคนิคการคำนวณ สูตรการคิด และการอ่านค่าลูกคิดได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ..ดังนั้นหากบุตรหลานของท่านใดเรียนจินตคณิตครูอยากแนะนำว่า..ปล่อยให้เค้าทำการบ้านลูกคิดด้วยตัวของเค้าเอง เพราะเค้าเป็นคนเรียน ทักษะ เทคนิควิธีคิดต่างๆ เค้าเรียนจากครูผู้สอนมาแล้ว หากเค้าทำการบ้านไม่ได้(ทำไม่ได้จริงๆนะค่ะไม่ใช่ไม่อยากทำละบอกทำไม่ได้ แต่เอาเวลาไปไล่จับโปรเกม่อนแบบนี่ไม่ได้นะค่ะ) ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกศิษทกับครูจะดีกว่า..ผู้ปกครองจะต้องเชื่อก่อนว่า การเรียนจินตคณิต และสถาบันที่สอนสามารถช่วยลูกๆในเรื่องของคณิตศาสตร์ การคำนวณ ได้จริง เชื่อมั่นในสถาบันที่สอนและเทคนิคของครูผู้สอน.. หากเชื่ออย่างนั้นแล้วก้อปล่อยให้เป็นหน้าที่ของครูผู้สอนเป็นคนสอนเค้าจะดีกว่า..ส่วนผู้ปกครองช่วยได้โดยการกวนขันให้เค้าทำการบ้านตามที่ครูกำหนด ไม่ใช่…. ไปบอกคำตอบเค้า ให้เค้านับนิ้ว ร้ายสุดให้เค้าใช้เครื่องคิดเลขในที่หาคำตอบ เพื่อให้การบ้านเด็กจะได้เสร็จๆไปหมดไปอีกหนึ่งภาระ การทำแบบนั้นจะเป็นการทำร้ายเด็กโดยตรงเลยทีเดียว..คณิตศาสตร์เป็นศาสตร์ที่มีคำตอบที่ตายตัว แต่มีวิธีคิดที่หลายหลาย..ปล่อยให้เค้าได้ใช้วิธีคิดด้วยตัวเค้าเองในแบบฉบับที่เค้าเรียนมาดีที่สุด..ขอบคุณและสวัสดีค่ะ..

Tags : , , , , , , , , | add comments

ถูกจริงหรือ

Posted by malinee on Monday Dec 21, 2015 Under เกร็ดความรู้

สวัสดีค่ะ..วันนี้ครูไม่มีvdoมาให้ครูแต่..ครูมีบางอย่างมาให้ช่วยกันหน่อย..จากแบบฝึกหัดด้านล่างนี้ คิดว่าที่คุณครูเค้าตรวจถูกมา..มันถูกจริงมั้ย แล้วถ้ามันถูกจริงๆตามที่คุณครูเค้าตรวจมา มันถูกยังงัย ใครอธิบายได้บ้าง ครูรบกวนหน่อย เพราะครูเองก็พยายามหาคำตอบอยู่ ถ้าใครมีคำอธิบายว่ามันถูกยังงัย บอกกันหน่อยนะค่ะ..ช่วยครูด้วย..แล้วครูจะมาบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแบบฝึดหัดนี้..ช่วยครูด้วยนะ..ขอบคุณค่ะ..12390873_810960295698826_8404294124038857550_n

Tags : , , , , , , , , | add comments

5326158-homework-frustration            ข่าวล่ามาแรงเรื่องการรับจ้างทำการบ้านผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งหากตามข่าวกันจริงๆ แล้ว การรับจ้างทำงานทั้งการบ้านและงานวิจัยต่างๆ มีมานานแล้ว และมีอยู่มากมายหลากหลายเจ้าให้เลือก แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ อายุที่น้อยลงของการว่าจ้าง ตอนนี้ไม่ใช่การว่าจ้างในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เป็นการว่าจ้างในระดับเด็กประถม ถึงมัธยม

หากใครได้สัมผัสกับ เด็กๆ หรือเยาวชนในยุคปัจจุบันบ่อยๆ จะพอทราบว่ากระแสสังคมในยุคดิจิตอลนั้นค่อนข้างก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องของความอดทน ความพยายามในการทำงานให้สำเร็จลุล่วง นอกจากนี้เด็กในยุคปัจจุบันยังมีแนวโน้มของการเป็นสมาธิสั้น หรือขาดความสนใจในทุกๆ เรื่อง จนกลายเป็นเด็กเฉื่อยในที่สุด หลายๆ คนคงสงสัยว่ามันเกี่ยวกันอย่างไรกับเรื่องของการบ้านที่เป็นที่ฮือฮากันในปัจจุบัน ผลของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ทำให้ผู้คนเกิดความสะดวกสบาย จนไม่มีความอดทนพอที่จะรออะไรที่ต้องใช้เวลา เด็กๆ ก็จะซึมซับพฤติกรรมดังกล่าวจากสิ่งแวดล้อมที่เร่งรีบ จนกลายเป็นนิสัย จนอาจเกิดเป็นเด็กสมาธิสั้น ที่ไม่สามารถอยู่นิ่งๆ หรือมีสมาธิในการทำงานแต่ละชิ้น (ซึ่งเกิดเนื่องมาจากการเลี้ยงดู) หรือเด็กอีกกลุ่มที่พ่อแม่ ดูแลเอาใจใส่แบบเกินร้อย จนทำให้เด็กไม่มีความกระตือรือร้นในการทำอะไรเลย ทุกอย่างเดี๋ยวก็มีคนจัดการให้ เขาทำหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือ “รอ” ในที่สุดเด็กก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีความพยายามในการเรียนรู้ หรือทำงานใดๆ เลย สาเหตุเกิดจากการที่พ่อแม่ไม่ฝึกวินัยหรือความรับผิดชอบใดๆ เลย เขาก็จะไม่มีความรู้สึกเดือดร้อนกับการบ้านหรืองานที่ถูกมอบหมายมา แต่ผู้ที่จะกระวนกระวายคือตัวพ่อแม่ ผู้ปกครอง ซึ่งจะต้องให้บุตรหลาน สะสมคะแนนเก็บจากงานต่างๆ จึงต้องหาทางออก โดยการทำให้ด้วยตนเอง หรือหากทำด้วยตนเองไม่ได้ ก็ต้องไปว่าจ้าง สุดท้ายสิ่งที่ตามมาคือ เด็กที่ไม่มีคุณภาพ (ที่มีปัจจัยหลักเกิดจากการเลี้ยงดูเป็นต้นเหตุ) แม้แต่สิ่งเดียวที่รับผิดชอบยังไม่สามารถทำให้ดีได้ ไม่ต้องพูดถึงอนาคตของเขาที่จะมาเป็นผู้ใหญ่ หรือ พ่อแม่ในรุ่นต่อไปเลย หากพ่อแม่ยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างวินัยให้กับบุตรหลาน ก็ต้องยอมรับกับผลที่ตามมา คือ เขาจะไม่สามารถรับผิดชอบอะไรเลยแม้แต่ตัวเขาเองไม่ว่าเขาจะอยู่วัยใดก็ตาม

ครูจา

Tags : , , , , , , , , , , , , , , | add comments

stock-vector-schoolboy-with-homework-23006326            ในการเรียนไม่ว่าจะเป็นการเรียนในวิชาใดๆ การจัดการบ้านให้กับเด็กๆ เพื่อเป็นการวัดความเข้าใจในชั้นเรียนของครูผู้สอน ว่ามีความเข้าใจเนื้อหาในการเรียนการสอนแล้วหรือยัง

สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือ พ่อแม่ ผู้ปกครองมักปล่อยให้เด็กๆ เรียนทำการบ้านหลังเลิกเรียน ด้วยเหตุผลที่ว่า การจราจรในกรุงเทพไม่เอื้ออำนวยทำให้ไม่สามารถไปรับบุตรหลานได้ตามเวลาเลิกเรียน หรือเพื่อต้องการตัดปัญหา การรบเร้าให้บุตรหลานทำการบ้าน รวมถึงการสร้างสมรภูมิรบในบ้านหลังเลิกเรียนและเลิกงาน สิ่งที่เลือกน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดให้กับบุตรหลาน แต่นั่นหมายความว่าโอกาสทองของเด็กที่จะได้ทบทวนเนื้อหาความเข้าใจในวิชาต่างๆ โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ที่ต้องการการฝึกฝน และการจัดกระบวนการคิด จากการทำการบ้านด้วยตนเองก็หายไป และนอกจากนี้แล้วโอกาสของพ่อแม่ ผู้ปกครองที่จะได้ทราบถึงพัฒนาการในการเรียนของบุตรหลานก็หายไปด้วย หากเป็นเช่นนี้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ก็ไม่สามารถทราบข้อบกพร่อง หรือแก้ไขความไม่เข้าใจในเนื้อหาบทเรียนของเด็ก จนกระทั่งปล่อยเวลาให้ล่วงเลยจนเด็กๆ ต้องมีการสอบแข่งขัน จึงรู้ตัวว่าเวลาในการที่จะให้เด็กทำความเข้าใจกับเนื้อหาต่างๆ มันสั้นเกินไป

หากปล่อยให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว จะเป็นสาเหตุให้ความไม่เข้าใจในบทเรียนก็จะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนเด็กไม่มีความสนใจในการเรียนในที่สุด

ครูจา

Tags : , , , , , , , , , , | add comments

images            จากประสบการณ์การสอนเด็กที่ผ่านมา เราพบวิวัฒนาการในด้านลบของเด็ก ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ และวัยของเด็กที่เล็กลงทุกปี  ซึ่งหมายถึง ความเอาใจใส่ต่อการเรียน ความเอาใจใส่ในเรื่องการบ้าน หรืองานที่ได้รับมอบหมาย เมื่อสืบค้นหาความจริง เรามักจะได้รับคำตอบทั้งจากตัวเด็ก และพ่อแม่ผู้ปกครองว่า เด็กติดเกมส์ ทำให้เด็กนอนดึก ทั้งเกมส์ออนไลน์ และเกมส์ในโทรศัพท์มือถือ หรือในแท็ปเล็ต

            ในช่วงแรกของการส่งเกมส์ให้เด็ก ๆ พ่อแม่ผู้ปกครองมักถูกหลอกว่าเป็นเกมส์การศึกษา (Educational Game) แต่หลังจากที่เล่นไปได้ซัก1 — 2 เดือน เด็ก ๆ จะรู้สึกว่าเกมส์ดังกล่าวจะไม่ท้าทาย และไม่น่าสนใจ ทำให้ต้องหาเกมส์ใหม่ ๆ ให้กับบุตรหลาน เนื่องจากเริ่มเคยชินกับการที่เด็ก ๆ อยู่นิ่ง หรืออยู่กับเกมส์ได้เป็นเวลานาน เมื่อเด็กอยู่กับเกมส์ ทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองมีเวลาเป็นส่วนตัวมากขึ้น สุดท้ายกลายเป็นการติดกับ  เกมส์ที่แยกลูกออกจากพ่อแม่โดยไม่รู้ตัว

            ความรุนแรงของเกมส์จะมีอยู่ 2 ระดับ คือ เกมส์ที่ติดมากับเครื่อง และเกมส์ออนไลน์ แตกต่างกันตรงที่เกมส์ที่ติดมากับเครื่อง พ่อแม่ผู้ปกครอง สามารถควบคุมเวลาในการเล่นเกมส์ของเด็ก โดยมีการกำหนดเวลาได้อย่างแน่นอน  แต่สำหรับเกมส์ออนไลน์นั้น เด็กที่ติดเกมส์ดังกล่าวจะมีจิตใจจดจ่ออยู่กับเวลาที่เกมส์นั้นกำหนด เช่นอีก 2 ชั่วโมง จะต้องเข้าไปเล่นด่านต่อไป ทำให้เด็ก ๆ ไม่จดจ่อหรือมีสมาธิกับสิ่งที่ทำ จิตใจจอจ่อรอคอยแต่เวลาที่จะเข้าไปเล่นเกมส์อีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายกับเด็กมากกว่าการเรียน (ซึ่งน่าเบื่อในความคิดของเด็ก)

            จากสิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวข้างต้น เราจะเห็นว่า โอกาสที่เราจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กเล่นเกมส์ คงเป็นไปได้ยาก หากสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นไปได้ยาก เราก็ต้องมีการวางแผน โดยมีกฏแน่นอน ทั้งในเรื่องของการทำความตกลงเกี่ยวกับความรับผิดชอบของเด็กที่จะต้องทำ (ทั้งการบ้าน และคะแนนสอบ) การไม่ให้เล่นเกมส์ออนไลน์ การกำหนดเวลาของการเล่นให้ชัดเจน รวมถึงการเลือกเกมส์ที่มีความสร้างสรร ไม่ใช่เกมส์ทำลายร้าง ที่บ่มเพาะนิสัยความรุนแรงให้กับเด็กโดยไม่รู้ตัว หากเรามีแผนรองรับที่ดี และสามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้ เกมส์ หรือสื่อทางอินเตอร์เน็ต ก็ไม่ใช่สิ่งที่บั่นทอนการเรียนรู้ของเด็กได้

ครู จา

Tags : , , , , , , , , , | add comments

ฉลาดใช้…….

Posted by malinee on Wednesday Aug 21, 2013 Under เกร็ดความรู้

can-stock-photo_csp6433030            ปัจจุบันเรามีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะต้องการรู้อะไรก็นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์และค้นหาได้ทันทีโดยใช้เวลาไม่นานนัก เช่นเดียวกับความรู้หรือแบบฝึกหัดต่าง ๆ ที่มีเปิดแชร์ข้อมูล มากมายราวกับร้านสะดวกซื้อที่มีอยู่ทุกถนน ความสะดวกเหล่านี้น่าจะทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง สามารถค้นหาความรู้ หรือแบบฝึกหัดเพื่อให้ลูกได้ฝึกฝนกันอย่างง่ายดาย เรามักได้ยินข่าวการลดชั่วโมงเรียนเด็ก การลดการบ้านเด็กอยู่บ่อยครั้ง จริง ๆ แล้วการลดชั่วโมงเรียนของเด็กเพื่อให้เด็กได้ฝึกฝนทักษะด้านอื่น ๆ ด้วยเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่สำคัญคือ ผู้ถ่ายทอดทักษะ วิธีคิดให้เด็ก จะต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ มีความรู้ในสิ่งที่ตนเองจะสอนเด็ก ๆ ด้วย  ส่วนในแง่ของการลดการบ้านนั้น เราต้องมาวิเคราะห์ก่อนว่า การบ้านในแต่ละวิชามีไว้เพื่ออะไร ส่วนใหญ่มักจะได้รับคำตอบว่าเพื่อการฝึกฝน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับในบางวิชา อย่างเช่น คณิตศาสตร์ หลังจากเด็กเรียนจนเข้าใจแล้ว ก็จะต้องมีการให้แบบฝึกหัดเพื่อให้เด็ก ๆ เกิดทักษะในการคิดที่ดีขึ้นเป็นลำดับได้ และยังเป็นพื้นฐานต่อยอดไปเรื่องต่อไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

เราจะพบว่าเด็กในยุคปัจจุบัน  สถิติการเข้าโรงเรียนจะเริ่มกันตั้งแต่วัยก่อนอนุบาล ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับสถิติของการอ่านออกเขียนได้ที่เพิ่มขึ้นด้วย แต่ความจริงมันกลับตรงกันข้าม นั่นอาจเป็นเพราะการดูแลเอาใจใส่ของพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องออกมาทำงานนอกบ้านทั้งคู่ และปล่อยให้เทคโนโลยีเป็นเพื่อน เป็นพี่เลี้ยง โดยเข้าใจว่ามันเป็นการเพิ่มสมาธิของเขา หรือมันทำให้เขาอยู่นิ่งได้นาน แต่หากเราสละเวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อเขาเหล่านั้น  เขาจะเติบโต มีพัฒนาการทางการเรียนรู้ที่ดีต่อไปในอนาคต

Tags : , , , , , , , , | add comments

จากไทยรัฐออนไลน์

โดย รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์

14 มีนาคม 2554

ถ้าปริมาณของการบ้านที่ผู้เรียนต้องรับผิดชอบในแต่ละวันมีมากเกินกว่าที่ จะทำให้เสร็จได้อย่างประณีตและเรียบร้อย ผู้เรียนก็จำเป็นต้องทำเพียงแต่ให้ผ่าน ๆ ไป เพื่อไม่ให้มีปัญหาต่อผลการเรียนและกับผู้สอน ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นกับการเรียนการสอนในทุกระดับชั้น นอกจากจะสร้างนิสัยไร้ความประณีตในการทำงานให้กับผู้เรียนแล้วยังสร้างความ คับข้องใจให้กับผู้ปกครองบางคนที่บางครั้งต้องมาช่วยบุตรหลานของตนทำการบ้าน ให้เสร็จทันเวลาอีกด้วย

สภาพปัญหาเกี่ยวกับการบ้าน

การที่ผู้ เรียนต้องเรียนกับผู้สอนหลายคนในหลายวิชาและในแต่ละรายวิชานั้นผู้สอนก็จะ รับผิดชอบต่อการสอนและมุ่งหวังให้การเรียนการสอนในรายวิชาของตนบรรลุจุดมุ่ง หมายตามที่กำหนดไว้ นับเป็นความปรารถนาดี และเป็นความตั้งใจที่ดีมากของผู้สอน แต่ในส่วนของผู้เรียนแล้วต้องรับผิดชอบการเรียนในทุกรายวิชาที่เรียนรวมทั้ง งานหรือการบ้านด้วย หากปริมาณการบ้านหรืองานที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ผู้สอนแต่ละรายวิชามี จำนวนมากจะทำให้ผู้เรียนส่วนหนึ่งไม่มีเวลามากเพียงพอสำหรับการศึกษาค้นคว้า พิจารณาไตร่ตรอง พินิจพิเคราะห์ หาความลึกซึ้ง และทำงานหรือการบ้านได้อย่างรอบคอบและประณีต

เมื่อต้องทำการบ้านแบบ ลวก ๆ และบ่อย ๆ ก็จะกลายเป็นนิสัย ซึ่งทำให้นักเรียนหรือนักศึกษาเหล่านั้นขาดความประณีตในการทำงาน และกลายเป็นคนทำงานแบบลวก ๆ หรือแบบ “ขอไปที” ขอให้ผ่าน ๆ ไปเท่านั้น ไม่มีนิสัยนิยมการค้นคว้า ศึกษาอย่างลึกซึ้ง ใช้วิจารณญาณ พินิจพิเคราะห์ ให้ความประณีตหรือพิถีพิถันกับงานต่าง ๆ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้งานเสร็จสิ้นอย่างเร็วที่สุดด้วยกลวิธีการต่าง ๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้ไม่ว่าจะถูกหรือผิด นอกจากนั้นยังอาจทำให้มีนิสัยการ “ลอกงานผู้อื่น” หรือ “ลอกการบ้านผู้อื่น” หรือ ลอกมาจาก Internet ที่เรียกว่า “รายงานแบบ Copy and Paste” คือ ไปคัดลอกงานผู้อื่นมาจาก Internet แล้วมา ปะ ๆ ต่อ ๆ กัน ทำให้กลายเป็นงานของตัวเอง

คุณค่าของความประณีต

ความ ประณีตในสังคมเกษตรกรรมแตกต่างจากความประณีตในสังคมอุตสาหกรรม ความประณีตหมายถึง ความละเอียดลออ พิถีพิถัน เป็นความเรียบร้อยและพอเหมาะพอดี และมีความสัมพันธ์กับ “พิกัดความเผื่อ” หรือ “Clearance” ซึ่งเป็นระยะห่างของชิ้นงานทางด้านเครื่องกลที่จะนำมาประกอบกันได้อย่างพอดี ถ้าห่างมากเกินไปจะทำให้ “หลวม” ไม่พอดี ถ้าน้อยเกินไปอาจทำให้ “แน่น” มากเกินกว่าจะทำงานได้ การทำงานในการผลิตชิ้นงานทางด้านอุตสาหกรรมจึงต้องมีความประณีตสูง ซึ่งอาจมีหน่วยของ “พิกัดความเผื่อ” เป็นหนึ่งในล้านของความยาวหนึ่งเมตร ดังนั้นความประณีตจึงมีความสำคัญสำหรับงานการผลิตทางอุตสาหกรรม

สำหรับ งานทางเกษตรกรรมโดยปกติมีพิกัดความเผื่อสูงกว่า เช่น ระยะห่างระหว่างต้นข้าวที่ชาวนาดำข้าวนั้นอาจมีระยะห่างประมาณ 15-20เซ็นติเมตร ถ้าจะคลาดเคลื่อนไป 1-2เซ็นติเมตร ก็ไม่ทำให้การปลูกข้าวหรือดำนาเสียหายมากนัก ต้นข้าวยังเติบโตได้ แต่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของแปลงนาแต่ละแปลงจะดูไม่สวยงามถ้ามีการดำนา แล้วต้นกล้าไม่สม่ำเสมอมีระยะห่างไม่เท่ากัน เป็นความประณีตอีกแบบหนึ่งของสังคมเกษตรกรรม มิใช่หมายความว่าผู้คนในสังคมอุตสาหกรรมมีความประณีตมากกว่าผู้คนในสังคม เกษตรกรรม

ความประณีตเป็นพื้นฐานของความสวยงาม เป็นการนำไปสู่การมีสุนทรียะ มีจิตใจที่อ่อนโยน ผู้ที่มีความประณีตในการทำงานนอกจากจะสามารถสร้างผลงานที่ “มีคุณค่าและราคา” ที่สูงมากกว่าคนที่ไร้ความประณีตแล้ว ผู้ที่มีความประณีตเป็นนิสัยหรือคุณลักษณะประจำตัวยังจะเป็นผู้ที่สามารถ “หาความสุข” ให้กับชีวิตตนเองได้ง่ายกว่าผู้ที่มีนิสัย “ไร้ความประณีต” หรือ เป็น “คนหยาบ” อีกด้วย ทั้งนี้เพราะความประณีตเป็นปัจจัยหนึ่งของการทำให้เกิดความซาบซึ้ง (Appreciation) มองเห็นคุณค่าของความงาม ความอุตสาหะ ความพยายาม ในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยเฉพาะผลงานที่เป็นศิลปะ หรือ หัตถกรรม ที่ต้องใช้ความประณีตเป็นพื้นฐานของการทำงาน

การวัดความเจริญ รุ่งเรือง ความมีอารยธรรม หรือ Civilization ของมวลมนุษยชาติหรือชนชาติใดก็ตาม ตัวชี้วัดความเจริญรุ่งเรืองอย่างหนึ่งที่นำมาใช้คือ ความประณีตในผลงานของคนชนชาตินั้น ถ้าชนชาติใดมีผลงานที่มีความประณีตมากจะได้รับการยอมรับว่าเป็นชนชาติที่มี อารยธรรมและความเจริญรุ่งเรืองมากด้วย

คุณลักษณะ “ไร้ความประณีต”

คุณลักษณะ ที่ผู้สอนควรสร้างให้เกิดกับผู้เรียนนอกเหนือจากจุดมุ่งหมายตามหลักสูตรแล้ว คือ ความประณีต สำหรับผู้สอนที่เป็นครู/อาจารย์รุ่นเก่าจะพบกับความคับข้องใจกับคุณลักษณะ ด้านความประณีตในการทำงานหรือการบ้านของลูกศิษย์ในยุคปัจจุบันที่เติบโตมา กับภาวะการณ์ของการแข่งขัน พัฒนาการของเทคโนโลยี และมีชีวิตอยู่ในโลกของ Internet ที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานและรวมทั้งทำการบ้านด้วย เมื่อต้องการสร้างนิสัยของความประณีตในการทำงานให้กับลูกศิษย์ ผู้สอนอาจจะพบกับความยากลำบาก เพราะนอกจากจะต้องหาวิธีการสอนและกิจกรรมที่จะสามารถสร้างคุณลักษณะของการ เป็นคนที่มีความประณีตแล้วยังต้องต่อสู้กับค่านิยมและความคิดแบบ “จานด่วน” ที่ลูกศิษย์ของตนได้รับการปลูกฝังมาจากสภาพชีวิตและสังคมสมัยใหม่อีกด้วยการ พิจารณาเลือกหากิจกรรมและการบ้านที่ส่งเสริมคุณลักษณะด้านความประณีตนั้น ถ้าผู้เรียนไม่สนใจ “กระบวนการ” ของการทำงานตามขั้นตอนที่ได้รับมอบหมายจากผู้สอน เพียงแต่ต้องการ “ผลลัพธ์” คือ ทำชิ้นงานให้เสร็จด้วยกลวิธีต่าง ๆ ที่รวดเร็ว ง่าย แบบด่วนได้ โดยไม่ต้องใช้สมอง ความคิด และความประณีตมาก ผู้เรียนส่วนหนึ่งมักจะเลือกใช้กลวิธีนั้น ทำให้ความมุ่งหวังในการสร้างนิสัยหรือคุณลักษณะของความประณีตไม่อาจเกิดขึ้น กับตัวผู้เรียนนั้นได้ และในทางตรงข้ามกลับให้ “ผลเชิงลบ” เป็นการสร้างคุณลักษณะ “ไร้ความประณีต” ขึ้นกับผู้เรียน เนื่องจากผู้เรียนต้องทำงานหรือการบ้านจำนวนมากจากหลายรายวิชา และไม่มีเวลามากเพียงพอสำหรับงานหรือการบ้านของรายวิชาใดวิชาหนึ่งเท่านั้น ผู้เรียนต้องรีบเร่งทำให้เสร็จทันเวลา ด้วยเหตุดังกล่าวจะเป็นการสร้างนิสัย “ไร้ความประณีต” ให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนโดยที่ผู้สอนไม่ตั้งใจ

การให้งานหรือการบ้านที่เหมาะสม

ปริมาณ งานหรือการบ้านที่มากเกินไปเกิดจากการไม่ประสานกันของผู้สอนทำให้การมอบหมาย งานของผู้สอนเป็นลักษณะต่างคนต่างทำและให้ความสำคัญกับรายวิชาของตนเป็น สำคัญ ทำให้มีภาระงานหรือการบ้านตกกับผู้เรียนมาก บางครั้งเกิดความซ้ำซ้อนเกินความจำเป็น การที่จะทำให้ผู้สอนได้มีโอกาสประสานกันเพื่อหาความพอดีของงานหรือการบ้าน ให้กับผู้เรียนจึงเป็นหนทางหนึ่งที่จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ แต่การดำเนินการโดยการให้ผู้สอนมาพบกันและพูดคุยกันนั้นมีความเป็นไปได้น้อย และไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่จะเป็นไปได้ การใช้เทคโนโลยีจึงน่าจะเป็นคำตอบ

การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วย จัดการ จะช่วยให้มีการวางแผนและมอบหมายงานให้กับผู้เรียนอย่างเป็นระบบและไม่สร้าง ภาระงานหรือการบ้านให้ผู้เรียนมากเกินไปจนทำให้คุณภาพของงานไม่ดีและขาดความ ประณีต ระบบการจัดการนี้ควรนำมาใช้เพื่อปรับปรุงคุณภาพของการเรียนการสอนและการมอบ หมายงานหรือการบ้านกับผู้เรียน ผู้สอนและผู้เรียนจะได้ใช้ระบบสารสนเทศเป็นสื่อกลางในการบริหารจัดการ กิจกรรม การทำงานหรือการบ้านและการใช้เวลาได้อย่างเหมาะสม

สรุป

งาน หรือการบ้านที่มากเกินไปไม่ส่งเสริมคุณลักษณะของความประณีต นอกจากนั้นยังอาจจะสร้างนิสัยของความไร้ระเบียบ ขาดคุณธรรมจริยธรรมในการทำงาน ทำให้ผู้เรียนไม่สนใจ “กระบวนการทำงาน” หวังให้ได้เพียง “ผลลัพธ์” ที่พอผ่าน ๆ ไปเท่านั้น ความประณีตเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของการประกอบวิชาชีพ โดยเฉพาะวิชาชีพชั้นสูง การสร้างผลผลิตและบริการที่ขาดความประณีตนอกจากจะเป็นอันตรายแก่ผู้รับ บริการแล้วยังไม่สามารถทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มในสินค้าและบริการอีกด้วย

การ ขาดความประณีตจะทำให้ได้สินค้าและบริการมีคุณภาพต่ำ ราคาถูก แสดงถึงรสนิยม และอารยธรรม หรือ Civilization ของชาติพันธ์นั้น ๆ การปลูกฝังความประณีตให้กับพลเมืองของชาติ สามารถเริ่มต้นจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา และการให้งานหรือการบ้านในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยให้ผู้เรียนได้มีเวลา สำหรับการศึกษาค้นคว้า และดำเนินการจัดทำงานหรือการบ้านอย่างประณีต ใช้จินตนาการ ใช้ความคิด และพิถีพิถันกับผลงานของตน สร้างความตระหนักในคุณค่าและซาบซึ้งในผลงาน เป็นการยกระดับรสนิยมและส่งเสริมอารยธรรม หรือ Civilization ให้กับชาติพันธ์มนุษย์ ที่เรียกว่า “คนไทย” ต่อไป.

ศาสตราจารย์ ดร.กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์

Tags : | add comments