เราติดรึยัง?

Posted by malinee on Wednesday Jan 12, 2022 Under Uncategorized

          สถานการณ์ที่ยังคลุมเคลือ หลายๆ คนที่ยังต้องทำงานนอกบ้าน ส่งบุตรหลานไปโรงเรียน ก็มักจะมีคำถามในใจขึ้นทุกวัน ว่าเราจะติดโควิดมั้ย ครูมีข้อมูลมาฝากให้ เผื่อคลายความกังวลได้บ้าง

          ช่วงนี้เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าสายพันธุ์ของไวรัส ได้เปลี่ยนไปเป็นสายพันธุ์โอมิครอน มาดูความแตกต่างของสายพันธุ์กัน ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรากับ 2 สายพันธุ์นี้หลักๆ อยู่ที่เรื่องของระยะฟักตัว

          ระยะฟักตัว คือระยะที่เราได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นระยะที่จะทำให้เกิดอาการ (ถ้ากรณีที่ติดเชื้อ) และเป็นระยะที่ต้องกักตัวเพื่อเฝ้าระวัง ถ้าพ้นระยะฟักตัวแล้วผลตรวจเป็นลบ แสดงว่าไม่ติดเชื้อ

          ระยะฟักตัวของโควิดสายพันธุ์ต่างๆ

อู่ฮั่น  5 – 6 วัน อาการ 10 วันหลังรับเชื้อ

เดลต้า มีระยะฟักตัว 4 วัน อาการ 7 วันหลังรับเชื้อ

โอมิครอน มีระยะฟักตัว 3 วัน อาการ 5 วันหลังรับเชื้อ

    แต่ก่อนจะมีอาการผู้ที่รับเชื้อมาแล้วสามารถกระจายเชื้อได้ 1 – 2 วันก่อนเกิดอาการ หรือบางรายอาจไม่เกิดอาการก็ได้

          สิ่งที่ต้องเฝ้าติดตามคือ ข่าวสารของการเกิดการรวมตัวของสายพันธุ์เดิม เช่น ที่ไซปรัสที่เกิดเคสผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ร่วมระหว่างเดลต้าและโอมิครอน ที่เรียกว่า “Deltacron” แต่อยู่ในช่วงของการศึกษาว่าจะสามารถแพร่กระจายได้หรือไม่ และอีกเคสที่พบในอิสราเอล 1 เคสในผู้ป่วยตั้งครรภ์ ที่ไม่ได้รับวัคซีน เป็นสายพันธุ์ “Flurona” ซึ่งเป็นพันธุ์ผสมระหว่างไข้หวัด (ประจำฤดู)กับโควิด หากมีการแปรผันของสายพันธุ์ไปเรื่อยๆ วัคซีนน่าจะไม่ใช่คำตอบของโจทย์ข้อนี้ แต่เป็นการตั้งการ์ดของเราทุกๆ คน เพื่อให้เราอยู่กับมันได้อย่างปลอดภัย

          สุดท้ายขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัยนะคะ

ครูจา

แหล่งที่มา

https://www.webmd.com/lung/coronavirus-incubation-period#3
https://www.cnbc.com/2022/01/08/cyprus-reportedly-discovers-a-covid-variant-that-combines-omicron-and-delta.html
https://www.timesofisrael.com/flurona-israel-records-its-first-case-of-patient-with-covid-and-flu-at-same-time/
Tags : , , , , , , , , , , , , | add comments

เสาร​ อาทิตย์​นี้แล้ว​ ที่เด็กๆ​ จะต้องสอบคัดเลือก​เข้าเรียนในชั้นมัธยมศึกษา​ปีที่​ 1 และ​4 หลังจากการถูกเลื่อนการสอบกันมาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม​ ซึ่งเด็กๆ​หลายคนมีการเตรียมพร้อม​กันมาเป็นเวลานาน​ เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรค​COVID​19​ จึงทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก​ลงชั่วขณะ​ เด็กหลาย​ๆ​ คน​ ถ้าทางบ้านมีเวลาดูแลเอาใจใส่​ก็ยังอาจมีเวลาในการทบทวนบทเรียน​เพื่อเตรียมตัวตลอดเวลา​ แต่หลายๆ​ ครอบครัว​ มิได้เป็นเช่นนั้น​ เด็กๆ​ เนื่องจากความเป็นเด็ก ก็จะไม่เลือกที่จะหยิบจับหนังสือ​อยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ​ ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครอง​หาวิธีในการแก้ปัญหา​ โดยการให้บุตรหลานเรียนออนไลน์​ ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่สามารถทำได้ในสถานการณ์ช่วงนี้แต่ การเรียนนั้นเป็นการทบทวนบทเรียน​วิธีหนึ่ง​ แต่การเรียนนั้น​อย่างมากก็ทำได้วันละไม่เกิน​2 ชัวโมง​ หลังจากการเรียน​ ไม่ว่าจะเป็นนการเรียนวิชาใดๆ​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนคณิตศาสตร์​ หากไม่ทบทวน​หรือเริ่มกระบวนการคิดด้วยตนเอง​ ก็จะไม่เกิดประโยชน์​ใดๆ
การเรียนคณิตศาสตร์​นั้น​ เป็นการฝึกทักษะกระบวนการ​คิดแก้ปัญหา​ ในระหว่างการเรียน​ ถ้าเป็นเรื่องใหม่ๆ​ การเรียน​ เราจำเป็นจะต้องวิเคราะห์​ไปพร้อมกัน​ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ​ และมีการให้แบบฝึกหัด​เพื่อทบทวนบทเรียน​ เพื่อฝึกกระบวนการคิดอย่าเป็นระบบ​ และเมื่อเรียนในครั้งต่อไปจะสามารถต่อยอดไปเรื่องใหม่ได้​ แต่เด็กๆ​ ส่วนใหญ่​ เมื่อเรียนจบคือทิ้ง​ ไม่ทวน​ แล้วเวลาเรียนก็กลายเป็นว่าต้องเริ่มใหม่ทุกครั้ง​ ไม่พยายามคิดด้วยตัวเอง​ ไม่เริ่มที่จะคิด​ บ่มเพราะจนกลายเป็นนิสัย​เป็นเด็กเฉื่อย​ ไม่มีความกระตือรือร้น​ ไม่มีความพยายาม​ ไม่คิดที่จะเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ​ การเรียนรู้กลายเป็นว่าต้องมีคนป้อน​ ต้องมีคนสอน​ ไม่สามารถอ่านหนังสือ​หรือทบทวนเนื้อหาบทเรียน​ได้ด้วยตนเอง​ ลองสังเกต​บุตรหลานของตัวเองว่่า​ คุณให้เขาเรียน​แล้วเขาได้เคยนำบทเรียนมาทบทวนหรือไม่​ หรือ ให้เรียนทุกวันจนทำให้เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อย​กับการเรียน​ แล้วหลังจาการเรียนที่เหนื่อยล้าคือเวลาที่เป็นเวลาที่จะต้องพักสะทีและการพักของเด็กก้อไม่พ้นการเล่นเกม..
#เรียนเยอะไม่แปลว่าเก่ง
#เรียนแล้วเก็บไม่ทวนไม่แปลว่าทำได้
#เป็นกำลังให้เด็กทุกคน
#สถาบันคิดสแควร์

Tags : , , , , , , , , , , , | add comments

ตอนนี้กระแสวิพากษ์วิจารณ์​กันในสังคมคงหนีไม่พ้นเรื่องของการเรียนออนไลน์​ เนื่องจากสถานการณ์​การแพร่ระบาดทำให้การเปิดเทอมของเด็ก​ต้องยืดเยื้อ​ออกไป​ จริงที่ว่าการเรียนของเด็กๆ​ ไม่ควรหยุดชะงัก​ แต่การเรียนออนไลน์​ของเด็ก​ ต้องพิจารณา​ถึงวัยของเด็กด้วย​ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนออนไลน์​ที่ไหนๆ​ จะเป็นการเปิดสอนในระดับมหาวิทยาลัย​ทั้งสิ้น​ หากเป็นในระดับปฐมวัย​จนถึงมัธยม​จะเป็นการเรียนแบบ​ home school ซึ่งเป็นการนำหลักสูตร​จากประเทศ​ต่างๆ​ มาเป็นแนวการเรียนการสอน​ โดยพ่อแม่​ผู้ปกครอง​ เป็นเสมือนครูผู้สอน
การเรียน​การสอนออนไลน์​ ยิ่งเด็กยิ่งเล็ก​ ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก​ เนื่องด้วยวัย​ ที่ทำให้เรื่องของสมาธิที่ที่จดจ่ออยู่กับเรื่องบางเรื่องนานๆ​ เป็นไปได้ยาก​ นอกจากนี้แล้ววิชาบางวิชาอย่างคณิตศาสตร์​ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะขึ้นเรื่องใหม่ๆ​ ให้กับเด็ก​ เช่น​ถ้าเด็กกำลังเริ่มที่จะเรียนการคูณเลข​สองหลักคูณสองหลัก​ การทำความเข้าใจ​กับเด็กให้มีความเข้าใจ​ ต้องมีการ​ ​recheck กันหลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่าเด็กมีความเข้าใจจริงๆ​ ถึงจะให้การบ้านได้​ แล้วลองนึกภาพของการสอนเรื่องการวัดมุมกันนะคะ​ ขนาดสอนกันแบบเห็นกันเป็นตัวเป็นตน​ยังต้องใช้เวลาเลย​แล้วนึกสภาพการเรียนออนไลน์​ ถ้าเป็นการเรียนแบบกลุ่ม​ ไม่มีทาง ที่ทักษะเด็กแต่่ละคนจะเท่ากันได้ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวัยเดียวกันก็ตามเพราะฉะนั้นการเรียนออนไลน์ไม่ใช่จะเหมาะกับทุกคนและไม่ใช่ทุกวิชาที่จะสามารถสอนออนไลน์ได้
ดังนั้นการเรียน​ออนไลน์​ในช่วงนี้ของเด็กเล็กเป็นเพียงช่วงเวลาที่รอสถานการณ์​ของการแพร่ระบาด​ให้คลี่คลายเท่านั้น​ แต่การที่การศึกษา​ในช่วงของปฐมวัยจนถึงประถมน้ัินคงไม่อาจถูก​ disruption ด้วยระบบออนไลน์​ได้​ด้วยวัยและความพร้อมของเขา​ นอกจากนี้แล้วเด็กในวัยดังกล่าวไม่ควรถูกปล่อยให้อยู่กับการสื่อสารทางเดียว​ เค้าควรได้มีการเรียนรู้ผ่านระบบประสาทสัมผัส​ให้ครบทั้ง​ ​5 และมีการฝึกทักษะต่างๆผ่านระบบประสาท​สัมผัสดังกล่าว​ เพื่อก่อให้เกิดความฉลาดทางอารมณ์​ และเพื่อค้นหาความสามารถ​ และความถนัดต่อไป…
#เราจะผ่านมันไปด้วยกัน
#สถาบันคิดสแควร์

Tags : , , , , , , , , , , , | add comments

ในช่วงของสถานการณ์​ที่พ่อ​แม่ผู้ปกครอง​หลายๆ​คน​มีโอกาส​ได้อยู่บ้านแบบยาวๆ​ เด็กๆ​ เองก็หยุดแบบยาวๆ​ กัน​ การมีเวลาว่างๆ​ ของเด็ก ถ้าเป็นครอบครัวที่สรรหากิจกรรม​ต่างๆ​ ได้ทำร่วมกัน​ ก็จะทำให้เด็กๆ​ อาจมีเวลาค้นหาตัวตนของตนเองว่าชอบอะไร​ แต่ในปัจจุบันน่าเสียดายที่เวลาของครอบครัว​ถูกเบียดด้วยจอสี่เหลี่ยม​ที่เราเป็นคนพามันเข้าสู่ครอบครัว​ แล้วทำให้เวลาในการปฏิสัมพันธ์​กันในครอบครัว​หายไป​ ทั้งๆ​ ที่อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน
จากสถานการณ์​ของการระแพร่ระบาด​ ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ​ ปรากฏ​การณ์ใหม่ๆ​ หรืออาจเรียกว่าวิวัฒนาการ​ที่ทำให้การดำรงชีวิต​ของเราเปลี่ยนแบบไปบ้างไม่มากก็น้อย​ แต่ที่แน่ๆ​ คือ​เด็กในรุ่นนี้ต้องเผชิญ​กับการแข่งขันที่สูงมาก​ คงไม่มีพ่อแม่​ คนไหนคิิดจะให้บุตรหลานอยู่ภายใต้ปีกที่อบอุ่นของตนเองจนเค้าจากไป​ เรามีเพียงหน้าที่ที่จะดูแล​ชี้นำในสิ่งที่ถูกต้องหรือ​ เลือก#โรงเรียน สังคมให้เขาในวัยเด็กเท่านั้น​ สิ่งที่เราต้องคิดคือ​ เราได้เตรียมความพร้อมให้กับเขาสำหรับยุคของการใช​ AI (Artificial Intelligence) แล้วหรือยัง​
ยุคของ​ AI คืออะไร​ คือยุคที่มีการเปลี่ยนจากแรงงานคนเป็นคอมพิวเตอร์​เกือบทั้งหมด​ คำว่าแรงงานไม่ได้หมายความแค่ผู้ใช้แรงงาน​ แต่หมายรวมถึงพนักงาน​ทั่วไป​ ที่จะถูกแทนที่ด้วยระบบที่มีฐานข้อมูล​ของคอมพิวเตอร์​ทั้งหมด​ ด้วยความที่เกิดมาในยุคดิจิทัล​ ทำให้ทุกอย่างต้องรวดเร็ว​ จึงขาดทักษะ​ของการรอคอย​ ไม่เห็นคุณค่า​ของการสิ่งของที่ได้มา​เพราะไม่เคยต้องแลกกับการรอคอย​ หรือการต้องทำบางอย่างเพื่่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ประกอบกับทางเลือกของพ่อแม่ผู้ปกครอง​ ทำให้เด็กทุกคนกลายเป็นลูกเทวดาในโรงเรียน​ เพราะโรงเรียนมีการแข่งขันกันสูงจึงถือว่าเด็กนักเรียนเป็นลูกค้า​ ความพึงพอใจ​ของลูกค้าต้องมาก่อน​ เมื่อหันไปหาโรงเรียนทางเลือกอย่างโรงเรียนอินเตอร์​ ซึ่งในช่วงของปฐมวัยจนจบระดับประถมศึกษา​ เน้นการเรียนแบบ​ child center นั่นคือแบบบูรณาการ​ที่เราคุ้นเคย​ การเรียนขึ้นอยู่กับความสนใจของเด็ก บางโรงเรียนการบ้านเป็นแบบ​ optional คือส่งหรือไม่ส่งก็ได้​ กลับกลายเป็นทำให้เด็กขาดวินัยอย่างรุนแรง สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้เด็กในยุค​ ​4.0 กลับกลายเป็นการบ่มเพาะความเปราะบาง​ทางด้านอารมณ์​ ขาดวินัย​ ไร้ความพยายาม​ ไม่มีความอดทน​ สิ่งต่างๆ​ เหล่านี้​ไม่สามารถ​ทำให้เขาเติบโตในยุคของการแข่งขันกับเทคโนโลยี​ได้เลย
ดังนั้น​ อย่าให้เขาต้องเผชิญ​ปัญหา​ในขณะที่เขาไม่สามารถแก้ไขนิสัยได้​ เราซึ่งเป็นพ่อแม่​ ผู้ปกครอง​ เป็นผู้ที่วางกรอบให้​ แต่ไม่ได้มีหน้าที่ในการตีกรอบ​ วางให้เขาอยู่ในระเบียบวินัย​ ใส่ทักษะของการรอคอย​ ปล่อยให้เรียนรู้ที่จะผิดหวัง​ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม​ สร้างภูมิต้านทานให้เขาได้ก้าวเดินอย่างมั่นคงในเวลาที่เขาต้องเดินโดยไม่มีไหล่คุณให้เกาะ..
#เรามีสิทธิเลือกเส้นมางให้ลูก
#เลือกผิด= เหนื่อยเพิ่มขึ้น
#เลือกถูก= อนาคตที่ดีของลูกเรา
#สถาบันคิดสแควร์

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , , , | add comments

Do you know me?
Have you ever heard my name?
Have you ever seen me?
I think some of you have heard my name for 3 months. I would like to introduce myself that I am a kind virus with white sphere, yellow protein coated with lipid and spikes as crowns as my name. I am as small hundredth as bacteria so the scientists need to use electron microscopes to see me.
why I can go around the world quickly (pandemic)?
When I go inside your body, I takes 3 days that you have not any symptoms. Arter that stage the disease common symptoms include fever, cough and shortness breath occurs.Not only the symptoms of the disease takes time but also there are 4 out of 5 who are attacked but have no symptom. In that group of they can be the accidentally carriers.
I come out with the patients’ droplets produced by coughing, sneezing and or talking.I can survive on any surfaces up to 72 hours, people may become infected by touching that surfaces and then touching their bodies.
Human body is the right habitat (house) to grow cause there are lots of food to have, warm to live. So I can duplicate (double) amounts of my new bodies there, my favourite place is red blood cell which normally hold oxygen to our whole body from lung. When I get there your red blood cell called`Hemoglobin` is blocked so your respiratory (breathing) system is failured.
Now I think it’s all about me. Next time I will tell you more about the things that make me leave and how to far away from me….
See you then..

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , , , , , | add comments

สถานการณ์​ปัจจุบัน​เป็นที่ทราบกันแล้วว่าโลกของเราอยู่ในภาวะที่มีการระบาดของโรค​ COVID 19​ ก่อนหน้านี้ประเทศไทย​ถือว่าเป็นประเทศ​ที่สามารถรับมือกับภาวะการระบาดของโรคอยู่ในลำดับต้นๆ​ จนกระทั่งเมื่อสายของวันนี้​ ที่มีข่าวของการเสียชีวิต​ของผู้ป่วย​ COVID​ ​19​ ทำให้เกิเความตื่นตระหนก​กันมากขึ้น
จากเหตุการณ์​ที่เกิดขึ้น​ หากได้ตามข่าวจะพบว่า​ สถานการณ์​การควบคุมโรคระบาดของจีน​มีแนวโน้มที่ดีขึ้น​ มีจำนวนผู้ป่วยลดลงเรื่อยๆ​ แต่ในทางกลับกัน​ การระบาดในประเทศ​ต่างๅ​ กลับมีอัตราการแพร่ระบาดที่สูงขึ้น​ เราอาจจะต้องทบทวนเรื่องการจัดการที่แตกต่างกัันระหว่างจีนกับเราสักหน่อยมั้ย​ เพราะเรื่องของยา​รักษา​ หมอบ้านเราคิดได้ก่อนจีนซะอีก​
คราวนี้​มาพิจารณา​ความแตกต่างของการจัดการมันแตกต่างกัน​ ที่ทำให้ประเทศจีนสามารถ​ควบคุมการแพร่ระบาด​ได้​ เนื่องจากประเทศ​จีนเป็นสาธารณรัฐ​ซึ่งทุกคนอยู่ภายใต้กฎและเงื่อนไขเดียวกันโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ​ ทั้งสิ้น​ หลังจากการแพร่ระบาด​อย่างหนักประเทศ​จีนสั่งปิดประเทศ​ งดการเดินทางเข้า-ออก​ นอกจากนี้แล้วหลายๆ​ มณฑลที่มีการแพร่ระบาด​ ก็ถูกห้ามการเดินทางเข้า-ออก​ จากพื้นที่ดังกล่าวด้วยเช่นกัน​ การเดินทางออกจากบ้านจะออกจากบ้านได้อาทิตย์​ละ​2 วันเท่านั้น​ และการออกจากเคหะสถานต้องมีการสวมหน้ากาก​อนามัยเท่านั้น​ หากไม่สวมหน้ากาก​อนามัยก็ไม่สามารถ​ออกจากบ้านได้​ นอกจากนี้แล้วโรงงานอุตสาหกรรม​หลายๆ​ แห่งที่ถูกย้ายฐานการผลิต​ไปยังประเทศ​จีน​ (เนื่องจากประเทศจีนมีทั้งวัตถุดิบและแรงงานที่มีราคาถูก)​ มีกฏว่าจะสามารถเดำเนินการผลิตได้ก็ต่อเมื่อ​พนักงานสวมหน้ากาก​อนามัยในการทำงานทุกคนและทุกวัน​ ในขณะที่บ้านเรา​ การเดินทาง​เข้า-ออกเป็นอิสระ​ ไม่ว่าคุณจะไปประเทศ​กลุ่มเสี่ยงสักกี่ี่รอบ​ คุณก็สามารถเดินผ่านเข้า​ ต.ม. ได้ง่ายดายเกินไป และคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวจึง​ ซึ่งเกิดเป็นความประมาท​ (​เช่นเดียวกับเรื่องฝุ่น​ ซึ่งมันยังไม่ได้หายไปไหน
​ แต่เราไม่ได้รู้สึกว่ามันเดือดร้อนแล้วในวันนี้​ จริงๆ​ แล้วมันอยู่ในทางเดินหายใจของคนกรุงเทพทุกวัน​ แล้วมันค่อยๆ​ทำให้ระบบภูมิต้านทางของเราลดลงเรื่อยๆ)​ เมื่อเปิดข่าวเช้า​ จะได้ข่าวการระบาดเริ่มไปทางซีกตะวันตก​เพิ่มขึ้น​ ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่ามันไกลตัวเราออกไปแล้ว ยิ่งทำให้คนส่วนใหญ่​ละเลยและประมาท​ ร่วมกับการขาดสำนึกของการอยู่ร่วมกัน​ ยิ่งทำให้การแพร่ระบาด​ของโรคถูกบิดเบือนไป​ รวมกับความไม่มีประสิทธิภาพ​ในการทำงานของภาครัฐที่มีการปล่อยผ่านนักท่องเที่ยวกลุ่มเสี่ยงกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า​ เข้ามาตามด่านต่างๆได้อย่าง่ายดาย​
หากเราไม่ร่วมด้วยช่วยกันสอดส่องดูแล​ ทั้งตัวเราเอง​ และคนใกล้ชิด​ ไม่ให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มเสี่ยง​ เราจะกลายเป็นภาระให้กับหมอที่ปกติก็แทบไม่มีเวลาให้กับครอบครัวอยู่แล้ว​ ให้ความยุติธรรม​กับหมอ​ กับ​ พยาบาล​ ที่เค้าไม่ได้มีส่วนร่วมในการเดินทางสุดหรรษา​ของคุณเลย​ แต่เค้ากลับต้องเป็นด่านหน้ารับเชื้อต่่อจากคุณทั้งหลาย​ เพื่อ………. เพียงเพราะ…………
#อย่าเห็นแก่ตัว..
#อย่าเป็นภาระให้สังคม
#เริ่มจากดูแลตัวเองเราจะผ่านมันไปได้
#ด้วยความห่วงใย

#สถาบันคิดส์สแควร์

Tags : , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , | add comments


#นี่เราอยู่ระหว่างสงครามรึปล่าวเนี่
จากเหตุการณ์​ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้วต่อเนื่องมาเรื่อยๆ​ เราคงต้องย้อนกลับมาดูกันหน่อยมั้ยว่า​ โครงสร้างทางสังคมของเรามันผิดเพี้ยนไป​ ลักษณะเด่นของความเป็นคนไทยเป็นคนอ่อนน้อม​ ถ่อมตน​ รู้จักผิดชอบชั่วดี​ มีน้ำใจ​ เนื่องจากเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ​ แต่หลังจากเหตุการณ์​ข่าวต่างๆที่ได้ยินอย่างต่อเนื่อง​ ทั้ง​ฆาตกรต่อเนื่อง​ นายสมคิด​ , ผ.อ.​ กอล์ฟ​ คดีปล้นทอง​, ไอซํืหีบเหล็ก​ และล่าสุดนายทหาร​คลั่งที่โคราช
เหตุการณ์​ต่างๆ​ ที่เกิดขึ้น​ เป็นแนวโน้มของสังคมที่ใช้ความรุนแรง​โดยขาดความยั้งคิด​ ในแต่ละคดีที่เกิดขึ้น​ เกิดจากความโลภ​ ใช้เงินเกินรายได้ที่มี อยากได้รับการยอมรับนับหน้าถือตา ประกาศให้ทุกคนรู้เรื่องความสุขของตนในการใช้ชีวิต​หรูหราบนสังคมออนไลน์​ โดยการกู้หนี้ยืมสิน​ เมื่อถูกทวงหนักเข้า​ก็หาทางออกโดยการก่อคดีปล้น​ เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการเท่านั้น​
คดีของไอซ์หีบเหล็ก​ เป็นอีกคดีสะเทือนใจ​ จากข่าวที่มีผู้หญิง​จำนวนไม่น้อยที่ต้องถุูกฆ่า​ แล้วศพก็ถูกอำพรางโดยการใส่หีบเหล็กทิ้งไว้ในบ่อน้ำในบ้านที่ตนเองอยู่​ โดยที่ไม่รู้สึกถึงสิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไป​ แต่กลับก่อเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่า​ จากคำให้การของคนที่ทำงานกับทางครอบครัวของไอซ์​ อาจวิเคราะห์​ได้ใว่าเค้าขาดการดูแลเอาใจใส่​จากพ่อแม่​ ไม่มีใครคอยอบรมบ่มนิสัย​ ประกอบกับการติดยาเสพติด​ ทำให้สมองในส่วนของความรู้จักยั้งคิดหายไป​ ใช้สัญชาตญาณ​ในการดำรงชีวิต​เพียงอย่างเดียว
คดีสุดท้าย​ คือคดีของนายทหารคลั่ง​ เป็นคดีที่สะเทือนใจที่สุด​เพราะผู้ก่อคดี​เป็นคนในเครื่องแบบ​ ซึ่งหน้าที่ของทหารคือป้องกันอริราษฎร์​ศัครู​ แต่ในครั้งนี้​ ทหารเองเป็นผู้หันปลายกระบอกปืนเข้าหาประชาชน​ที่ไม่ได้รู้เรื่อง​ เพียงเพราะคุณคิดว่าคุณอยู่ในโลกของเกมส์ออนไลน์​ โดยที่คุณปล้นอาวุธ​ครบมือ​ พร้อมอุปกรณ์​ป้องกันตัว​ แล้วลงใน​ ​fb​ ประกาศ​ตนว่ามีใครจะกล้าลุยกับคุณมั้ย​ นี่คือผลของจินตนาการ​จากเกมส์ออนไลน์​ที่ออกมาบนโลกของความเป็นจริง​กับคนอายุ​ 32​ ที่มีวุฒิภาวะ​ โศกนาฏกรรม​ครั้งนี้ที่เกิดขึ้นมันชี้ชัดแล้วว่า​ จินตนาการ​ในเกมส์​ออนไลน์​ การฆ่าเป็นการเก็บแต้ม​ การขโมยอาวุธ​ เพื่อให้การเก็บแต้มมีประสิทธิภาพ​ คงเห็นแล้วนะว่าเกมส์ไม่ใช่เรื่องเล่นๆอีกแล้ว​ สิ่งที่เกิดขึ้น​.มันเกิดขึ้นกับคนที่มีวุฒิภาวะ​แล้ว​ แต่ถ้าคุณจะยังคงส่งเกมส์​ลักษณะ​นะให้กับบุตรหลาน​ที่ยังไม่มีวุฒิภาวะ​ ก็คงจะมีข่าวอาชญากรรม​เกิดขึ้นไม่ใช่แค่รายวันแล้ว​ คงต้องตามกันเป็นรายชั่วโมง
… ใส่ใจบุตรหลานของตนเองเถอะคะ​ ให้เวลากับเค้า​ อย่าให้เครื่องมือสื่อสารมาแทนทีี่เวลาของครอบครัว​ ที่เหลือจากหลังเวลาเลิกงานที่เหลือไม่ถึง​ 10 ชัวโมง​ มานั่งพูดคุยสารทุกข์สุกดิบ​ เล่าประสบการณ์​ของแต่ละวัน​ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์​ สิ่งที่ลูกทำผิดก็อบรม​ สอนเค้า​ เรื่องการใช้ความรุนแรงต้องสอนลูก หรือให้เค้าได้แสดงความคิดเห็นหากจะมีการเปลี่ยนแปลง​ บางอย่าเล็กๆ​ น้อยๆ​ ให้เค้าได้รู้ว่าเค้าเป็นส่วนหนึ่งและมีความสำคัญ​ในครอบครัว​ แล้วเค้าจะไม่ไปพยายามเป็นคนสำคัญ​นอกบ้าน​ ไม่ไปแสวงหาความรักจากที่อื่น​ ถ้าที่บ้านมีให้เค้าจนเต็ม….
#ในนามสถาบันคิดสแควร์ขอแสดงความเสียใจกับครอบผู้เสียชีวิตในทุกๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
#ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานทุกท่านที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องทุกชีวิต
#อยากให้เกิดขึ้นอีกเลย
#เคารพด้วยหัวใจ
#สถาบันคิดสแควร์

Tags : , , , , , , , , , , , , , | add comments

ครูได้มีโอกาสคุยกับเด็ก​ ม.​ปลาย​ หลายๆ​ คน​ หลาย​ๆ​ ครั้งที่ได้คุยกันเรื่องการเลือกเรียนต่อในมหาวิทยาลัย​ คำตอบที่ได้กลับมาคือ​ การอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ​ ค่านิยมดังกล่าวเกิดขึ้น​ เนื่องจากการที่เด็กมีความรู้สึกว่าการเรียนต่อต่างประเทศ​เป็นการอัพเกรดให้ตนเองเมื่อจบมาจะได้มีเงินเดือนที่สูงกว่าการเรียนในประเทศ​ หรือส่วนใหญ่​ประเมินว่าตนเองจะไม่สามารถ​เข้าเรียนในสาขาวิชาที่ตนเองต้องการในประเทศได้
ที่จริงแล้วการเรียนต่อต่างประเทศ​ที่จะทำให้ได้เงินเดือนที่สูงขึ้นได้​ เพราะการเรียน​ต่อในแบบดังกล่าวเป็นการสอบชิงทุน​ ซึ่งการสอบชิงทุนนั้นจะต้องผ่านการสอบคัดเลือก​ที่เลือกเฟ้นผู้เรียน​ ที่มีความรับผิดชอบ​ในการเรียน​ และะความรับผิดชอบ​ในหน้าที่ของตนเอง​ โดยการเรียนดีอาจเป็นสิ่งเดียวที่เป็นข้อพิสูจน์​ได้ว่าเด็กคนนั้นมีความรับผิดชอบ​ต่อหน้าที่ของตนเอง​ (มาตรฐานของคนไทย)​ เพราะเด็กไทยไม่ต้องรับผิดชอบ​หน้าที่ด้านอื่น​
ส่วนการเรียนต่อต่างประเทศ​ โดยใช้ทุนของตนเอง​ อาจเป็นเพราะลดภาวะการสอบแข่งขันให้กับ​บุตรหลาน..เช่นใน การเรียน​หมอ​ ..คำตอบของเด็กหลายๆ​ คน​ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร​ คำตอบที่เราได้รับจะหนีไม่พ้น​ หมอ​ หรือ​ ครู​ แต่เมื่อเด็กโตขึ้น​ ความอยากเป็นครูจะหายไป​ เหตุผลคือ​ ผลตอบแทน​ และการเป็นที่ยอมรับ​ในสังคม ความเป็นหมอมีมากที่สุดในสังคมไทย​ จึงทำให้เด็กหลายคนรวมทั้งพ่อแม่อยากให้ลูกเป็นหมอ..ซึ่งการเรียนในสายแพทย์ในเมืองไทย​ แน่นอนจะต้องเรียนในสายวิทย์-คณิต​ แต่ที่มากกว่านั้นคือความเพียร​ ความช่างสังเกต​ การจดบันทึก​ ความมีระเบียบวินัย​ความกระตือรือร้น​ในการเรียนรู้​ และความพยายาม​ในการแก้ปัญหา​ ซึ่งสิ่งต่างๆ​ เหล่านี้มักจะถูกฝึกจากการเรียนที่ค่อนข้างหนักในสายวิทย์-คณิต​ แต่ไม่ได้หมายความว่าการเรียนในสายอื่นไม่มีสิ่งต่างๆ​ เหล่านี้​ การสอบคัดเลือกเข้าเรียน​โรงเรียน​แพทย์​ในรอบแรก​ (รอบ​ portfollio)​ จะต้องมีเกรดเฉลี่ย​ 3.5​ ขึ้นไป​ และส่งผลของการสอบ​ Bmat​ และ​ ภาษาอังกฤษ​ ตามที่ทางมหาวิทยาลัย​กำหนด​ ในขณะที่การเรียนต่อโรงเรียน​แพทย์ในต่างประเทศ​ ต้องการเกรดเฉลี่ย​3.0 โดยที่เด็กไม่จำเป็นต้องเรียนวิทยาศาสตร์​ทั้ง​3 ตัว(และไม่มีสายวิทย์ คณิต)เหมือนบ้านเรา​ การเรียนวิทยาศาสตร์​ เป็นการเลือกเรียน​2 ใน​3 ตัวเท่านั้น​ เนื่องจากในต่างประเทศ​มุ่งเน้นให้เด็กรู้จักตัวตนก่อน​ แล้วจึงเลือกเรียน​ จึงไม่มีการเลือกสาย​ เหมือนบ้านเรา​ ทำให้เด็กส่วนใหญ่​ไม่ค่อยเลือกเรียนในด้านวิทยาศาสตร์​ เพราะเป็นวิชาที่ยากกว่าการเรียนภาษา​ ดังนั้นการเลือกเรียนหมอที่เมืองนอกจึงง่ายกว่าเมืองไทย ถ้าพูดถึงการสอบคัดเลือกในกาเรียนหมอเมืองไทยเข้มกว่ามากเพราะเข้มและยากกว่านี่เองทำให้เด็กที่จบหมอจากบ้านเรามามีเก่งในทุกด้านและความรักและภูมิใจในอาชีพ และบ้านเราจะได้หมอที่มีฝีมือที่ดีมากไม่แพ้เมืองนอกเลย..
จะเห็นได้ว่า​ ไม่ใช่ว่าระบบการศึกษา​ของบ้านเราล้มเหลว​แต่เพียงเพราะค่านิยมของคำว่า จบจากเมืองนอก หรือไปเรียนเมืองนอกทำให้เด็กไทยพยายามหาทางไปเรียนต่อต่างประเทศซึ่งจริงๆแล้วการศึกษาบ้านเราเก่งไม่แพ้ใครเพียงแต่เด็กในรุ่นหลัง ขาดความอดทน พ่อแม่ตามใจ พอเจอการเรียนที่ยากหน่อย ก้อไม่พยายามสู้ มีฐานะหน่อยก้อหาทางลัดให้ลูกจบได้ง่ายกว่า จึงทำให้ค่านิยมนี้ยังอยู่กับเด็กไทยไปทุกยุคทุกสมัย. สุดท้ายนี้ครูอยากฝากถึงเด็กม.ปลายทุกคนที่กำลังจะเลือกคณะเข้ามหาวิทยาลัย มันคือ ประตูก้าวแรกที่เราจะเลือกในการดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเลือกสายไหน อาชีพไหนก็ตาม..ขอแค่หาตัวเองให้เจอ และที่สำคัญ เป็นคนดีของสังคม…
#เรียนเมืองไทยภูมิใจกว่าเยอะ.
#เด็กไทยเก่งไม่แพ้ชาติไหน..
#เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ..
#สถาบันคิดสแควร์

Tags : , , , , , , | add comments

เนื่องจากครูมีโอกาสได้เข้าไป​เป็น​ out source ของโรงเรียนหลาย​ๆ​ แห่ง​ ก็จะได้เห็นวัฒนธรรม​การดูแลเด็กในแต่ละโรงเรียน​ การปฏิบัติ​ต่อผู้ปกครอง​ การให้คำปรึกษา​ การเรียนการสอน​ นโยบาย​ ของแต่ละโรงเรียนที่มีความแตกต่างกัน​
ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้การเรียนการสอนในแต่ละโรงเรียน​ ทำให้ครูต้องปรับการเรียนการสอนแปรผันตามความพร้อมของเด็ก ไม่ใช่ว่าเด็กมีการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน​ แต่เด็กได้รับการฝึกทักษะกล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน​
เด็กแต่ละคนมีความเป็นปัจเจก​บุคคล​ ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่เค้าเติบโตมาตั้งแต่เค้าเกิดมา​ เด็กที่อยู่ในครอบครัวที่คุยเล่นกัน​ มีอะไรคุยกัน​ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันบนโต๊ะอาหาร​ โดยทิ้งทุกอย่าง​ มีแต่การสนทนากัน​ จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าความของความสุขเกิดขึ้นจริง​ๆ​ บ้านคือบ้าน​ ไม่ว่าเค้้าจะมีปัญหาสักแค่ไหน​ เค้าจะกลับมาตรงนี้​ ตรงที่มีคนฟังเค้า​ ในทางกลับกัน ถ้าเค้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทุกคนไม่พูดไม่จากันก้มหน้าก้มตา​ online อยู่กับสิ่งที่ตัวเองสนใจ​ เขาก็จะเติบโตมาแบบไม่ได้รู้สึกว่าการปฏิสัมพันธ์​กับคนรอบข้างเป็นเรื่องปกติ​ กลายเป็นเด็กเก็บตัว​ คุณพ่อคุณแม่จะไม่มีทางได้รับรู้ว่าเค้ามีความสุข​หรือเค้ามีปัญหาเรื่องอะไร​ เพราะเค้าไม่เคยเรียนรู้ที่จะพูดเรื่องอะไรตอนไหน​ ไม่รู้ว่าจะมีใครฟังหรือไม่​ ในบ้านเองเขายังไม่รู้จะพูดกับใครเลย​ มันกลายเป็นการสร้างกำแพงขึ้น​เมื่อเขาโตขึ้น​ เขาไม่ได้ถูกสอนให้เข้ากลุ่ม​เพื่อน​ เพราะคุณเป็นสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เค้าได้เรียนรู้การอยู่แบบทางเดียว​คือการสื่อสารผ่าน​ social​ ที่เค้าไม่เคยเห็นเลย
อย่าเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้เค้า​ ก่อน​ เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดของเค้าเพื่อให้เค้าได้เติบโตอย่างมีความสุขไม่ว่าเค้าจะเจออุปสรรค​ใดๆ​ อย่างน้อยคุณยังเป็นสิ่งแวดล้อมที่ทำให้้เค้ารู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้ง​ และเป็นกำลังใจให้เค้าได้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง​ ไม่มีโรงเรียนไหนดีเท่าโรงเรียนพ่อแม่หรอก…. เชื่อสิ

Tags : , , , , , , , , , , , , , , | add comments

            การเรียนคณิตศาสตร์เป็นยาขมของเด็กๆ หลายคน พ่อแม่ผู้ปกครอง หลายๆ ครอบครัวก็ตระหนัก และหาวิถีทางแก้ไข โดยหาที่เรียนให้กับบุตรหลานว่า เพื่อนๆ เขาเรียนกันที่ไหนถึงทำให้เรียนได้ดี ก็แห่ตามกันไปเรียน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผลการเรียนไม่ดีขึ้น ก็เปลี่ยนที่เรียนไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นปัญหาเรื้อรัง ส่งผลให้บุตรหลานหนีและต่อต้านการเรียนคณิตศาสตร์ทุกวิถีทางที่จะทำได้เช่นกัน

            การแก้ไขปัญหาด้านคณิตศาสตร์กับเด็กในแต่ละวัย จะใช้เวลาแตกต่างกัน สิ่งที่สำคัญคือความร่วมมือระหว่างผู้ปกครอง เด็ก และครูผู้สอน ที่จะต้องให้เวลาซึ่งกันและกันในการร่วมกันแก้ปัญหา หากขาดความร่วมมือจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ก็ไม่มีทางเกิดสัมฤทธิผลที่ดีได้ ปัญหาที่เกิดกับเด็กประถมต้น ใช้เวลาไม่นานนัก เพราะปัญหาของวัยนี้ เกิดเนื่องมาจากทัศนคติที่เกิดจากตัวผู้สอนมากกว่าปัจจัยด้านอื่น หากปัญหาในประถมต้นไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาก็จะสืบเนื่องต่อยาวไปจนถึงมัธยม จนกลายเป็นการวางแผนการเรียนในอนาคตว่าจะหลีกหนีการเรียนคณิตศาสตร์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ได้คำนึงถึงอย่างอื่น

            แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าการเลือกเรียนในสายสามัญ (ซึ่งไม่ใช่สายวิชาชีพ) นั้น ไม่ว่าจะเลือกแผนศิลป์ภาษา ก็จำเป็นที่จะต้องเรียนคณิตศาสตร์ แต่หน่วยกิตที่เรียนน้อยกว่าแผนเรียนสายอื่น ทำให้เวลาเรียนน้อยกว่าสายอื่นด้วยเช่นกัน เมื่อมองต่อไปถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็จะเลือกคณะที่ไม่ต้องลงเรียนคณิตศาสตร์อีกเช่นกัน ซึ่งมีให้เลือกไม่ถึง 10 คณะในประเทศไทย ซึ่งแนวโน้มของเด็กทั่วโลกก็เป็นแนวโน้มนี้เช่นเดียวกัน กลายเป็นว่าเด็กที่จบมาในสายอาชีพเดียวกันมีอยู่ล้นตลาดแรงงาน โดยที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ (English Second Language) จะเกิดความเสียเปรียบทางด้านภาษาอีก ควบรวมกับการเลี้ยงดูที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่มีวุฒิภาวะ หากคุณเป็นผู้ประกอบการในยุค 4.0 (คำยอดนิยม) คุณจะเลือกบุคลากรประเภทไหนเข้าทำงาน ในขณะที่คุณมีตัวเลือกอยู่เต็มตลาดแรงงานไปหมด

            หากมองเห็นอนาคตเช่นนี้แล้ว เราลองมาช่วยกันทำให้เด็กๆ ของเราไม่หนีเลขกันดีกว่ามั้ย หรือร่วมกันแก้ปัญหากันตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้เค้าเป็นหนึ่งในตัวที่ไม่ถูกเลือกในอนาคต……..

Tags : , , | add comments