Jan 12
สถานการณ์ที่ยังคลุมเคลือ หลายๆ คนที่ยังต้องทำงานนอกบ้าน ส่งบุตรหลานไปโรงเรียน ก็มักจะมีคำถามในใจขึ้นทุกวัน ว่าเราจะติดโควิดมั้ย ครูมีข้อมูลมาฝากให้ เผื่อคลายความกังวลได้บ้าง
ช่วงนี้เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าสายพันธุ์ของไวรัส ได้เปลี่ยนไปเป็นสายพันธุ์โอมิครอน มาดูความแตกต่างของสายพันธุ์กัน ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรากับ 2 สายพันธุ์นี้หลักๆ อยู่ที่เรื่องของระยะฟักตัว
ระยะฟักตัว คือระยะที่เราได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นระยะที่จะทำให้เกิดอาการ (ถ้ากรณีที่ติดเชื้อ) และเป็นระยะที่ต้องกักตัวเพื่อเฝ้าระวัง ถ้าพ้นระยะฟักตัวแล้วผลตรวจเป็นลบ แสดงว่าไม่ติดเชื้อ
ระยะฟักตัวของโควิดสายพันธุ์ต่างๆ
อู่ฮั่น 5 – 6 วัน อาการ 10 วันหลังรับเชื้อ
เดลต้า มีระยะฟักตัว 4 วัน อาการ 7 วันหลังรับเชื้อ
โอมิครอน มีระยะฟักตัว 3 วัน อาการ 5 วันหลังรับเชื้อ
แต่ก่อนจะมีอาการผู้ที่รับเชื้อมาแล้วสามารถกระจายเชื้อได้ 1 – 2 วันก่อนเกิดอาการ หรือบางรายอาจไม่เกิดอาการก็ได้
สิ่งที่ต้องเฝ้าติดตามคือ ข่าวสารของการเกิดการรวมตัวของสายพันธุ์เดิม เช่น ที่ไซปรัสที่เกิดเคสผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ร่วมระหว่างเดลต้าและโอมิครอน ที่เรียกว่า “Deltacron” แต่อยู่ในช่วงของการศึกษาว่าจะสามารถแพร่กระจายได้หรือไม่ และอีกเคสที่พบในอิสราเอล 1 เคสในผู้ป่วยตั้งครรภ์ ที่ไม่ได้รับวัคซีน เป็นสายพันธุ์ “Flurona” ซึ่งเป็นพันธุ์ผสมระหว่างไข้หวัด (ประจำฤดู)กับโควิด หากมีการแปรผันของสายพันธุ์ไปเรื่อยๆ วัคซีนน่าจะไม่ใช่คำตอบของโจทย์ข้อนี้ แต่เป็นการตั้งการ์ดของเราทุกๆ คน เพื่อให้เราอยู่กับมันได้อย่างปลอดภัย
สุดท้ายขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัยนะคะ
ครูจา
แหล่งที่มา
https://www.webmd.com/lung/coronavirus-incubation-period#3
https://www.cnbc.com/2022/01/08/cyprus-reportedly-discovers-a-covid-variant-that-combines-omicron-and-delta.html
https://www.timesofisrael.com/flurona-israel-records-its-first-case-of-patient-with-covid-and-flu-at-same-time/
Jun 07
เสาร อาทิตย์นี้แล้ว ที่เด็กๆ จะต้องสอบคัดเลือกเข้าเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ4 หลังจากการถูกเลื่อนการสอบกันมาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ซึ่งเด็กๆหลายคนมีการเตรียมพร้อมกันมาเป็นเวลานาน เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคCOVID19 จึงทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงักลงชั่วขณะ เด็กหลายๆ คน ถ้าทางบ้านมีเวลาดูแลเอาใจใส่ก็ยังอาจมีเวลาในการทบทวนบทเรียนเพื่อเตรียมตัวตลอดเวลา แต่หลายๆ ครอบครัว มิได้เป็นเช่นนั้น เด็กๆ เนื่องจากความเป็นเด็ก ก็จะไม่เลือกที่จะหยิบจับหนังสืออยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองหาวิธีในการแก้ปัญหา โดยการให้บุตรหลานเรียนออนไลน์ ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่สามารถทำได้ในสถานการณ์ช่วงนี้แต่ การเรียนนั้นเป็นการทบทวนบทเรียนวิธีหนึ่ง แต่การเรียนนั้นอย่างมากก็ทำได้วันละไม่เกิน2 ชัวโมง หลังจากการเรียน ไม่ว่าจะเป็นนการเรียนวิชาใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนคณิตศาสตร์ หากไม่ทบทวนหรือเริ่มกระบวนการคิดด้วยตนเอง ก็จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ การเรียนคณิตศาสตร์นั้น เป็นการฝึกทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา ในระหว่างการเรียน ถ้าเป็นเรื่องใหม่ๆ การเรียน เราจำเป็นจะต้องวิเคราะห์ไปพร้อมกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และมีการให้แบบฝึกหัดเพื่อทบทวนบทเรียน เพื่อฝึกกระบวนการคิดอย่าเป็นระบบ และเมื่อเรียนในครั้งต่อไปจะสามารถต่อยอดไปเรื่องใหม่ได้ แต่เด็กๆ ส่วนใหญ่ เมื่อเรียนจบคือทิ้ง ไม่ทวน แล้วเวลาเรียนก็กลายเป็นว่าต้องเริ่มใหม่ทุกครั้ง ไม่พยายามคิดด้วยตัวเอง ไม่เริ่มที่จะคิด บ่มเพราะจนกลายเป็นนิสัยเป็นเด็กเฉื่อย ไม่มีความกระตือรือร้น ไม่มีความพยายาม ไม่คิดที่จะเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ การเรียนรู้กลายเป็นว่าต้องมีคนป้อน ต้องมีคนสอน ไม่สามารถอ่านหนังสือหรือทบทวนเนื้อหาบทเรียนได้ด้วยตนเอง ลองสังเกตบุตรหลานของตัวเองว่่า คุณให้เขาเรียนแล้วเขาได้เคยนำบทเรียนมาทบทวนหรือไม่ หรือ ให้เรียนทุกวันจนทำให้เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการเรียน แล้วหลังจาการเรียนที่เหนื่อยล้าคือเวลาที่เป็นเวลาที่จะต้องพักสะทีและการพักของเด็กก้อไม่พ้นการเล่นเกม..#เรียนเยอะไม่แปลว่าเก่ง #เรียนแล้วเก็บไม่ทวนไม่แปลว่าทำได้ #เป็นกำลังให้เด็กทุกคน #สถาบันคิดสแควร์
May 24
ตอนนี้กระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในสังคมคงหนีไม่พ้นเรื่องของการเรียนออนไลน์ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดทำให้การเปิดเทอมของเด็กต้องยืดเยื้อออกไป จริงที่ว่าการเรียนของเด็กๆ ไม่ควรหยุดชะงัก แต่การเรียนออนไลน์ของเด็ก ต้องพิจารณาถึงวัยของเด็กด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนออนไลน์ที่ไหนๆ จะเป็นการเปิดสอนในระดับมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น หากเป็นในระดับปฐมวัยจนถึงมัธยมจะเป็นการเรียนแบบ home school ซึ่งเป็นการนำหลักสูตรจากประเทศต่างๆ มาเป็นแนวการเรียนการสอน โดยพ่อแม่ผู้ปกครอง เป็นเสมือนครูผู้สอน การเรียนการสอนออนไลน์ ยิ่งเด็กยิ่งเล็ก ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก เนื่องด้วยวัย ที่ทำให้เรื่องของสมาธิที่ที่จดจ่ออยู่กับเรื่องบางเรื่องนานๆ เป็นไปได้ยาก นอกจากนี้แล้ววิชาบางวิชาอย่างคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะขึ้นเรื่องใหม่ๆ ให้กับเด็ก เช่นถ้าเด็กกำลังเริ่มที่จะเรียนการคูณเลขสองหลักคูณสองหลัก การทำความเข้าใจกับเด็กให้มีความเข้าใจ ต้องมีการ recheck กันหลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่าเด็กมีความเข้าใจจริงๆ ถึงจะให้การบ้านได้ แล้วลองนึกภาพของการสอนเรื่องการวัดมุมกันนะคะ ขนาดสอนกันแบบเห็นกันเป็นตัวเป็นตนยังต้องใช้เวลาเลยแล้วนึกสภาพการเรียนออนไลน์ ถ้าเป็นการเรียนแบบกลุ่ม ไม่มีทาง ที่ทักษะเด็กแต่่ละคนจะเท่ากันได้ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวัยเดียวกันก็ตามเพราะฉะนั้นการเรียนออนไลน์ไม่ใช่จะเหมาะกับทุกคนและไม่ใช่ทุกวิชาที่จะสามารถสอนออนไลน์ได้ ดังนั้นการเรียนออนไลน์ในช่วงนี้ของเด็กเล็กเป็นเพียงช่วงเวลาที่รอสถานการณ์ของการแพร่ระบาดให้คลี่คลายเท่านั้น แต่การที่การศึกษาในช่วงของปฐมวัยจนถึงประถมน้ัินคงไม่อาจถูก disruption ด้วยระบบออนไลน์ได้ด้วยวัยและความพร้อมของเขา นอกจากนี้แล้วเด็กในวัยดังกล่าวไม่ควรถูกปล่อยให้อยู่กับการสื่อสารทางเดียว เค้าควรได้มีการเรียนรู้ผ่านระบบประสาทสัมผัสให้ครบทั้ง 5 และมีการฝึกทักษะต่างๆผ่านระบบประสาทสัมผัสดังกล่าว เพื่อก่อให้เกิดความฉลาดทางอารมณ์ และเพื่อค้นหาความสามารถ และความถนัดต่อไป…#เราจะผ่านมันไปด้วยกัน #สถาบันคิดสแควร์
May 11
ในช่วงของสถานการณ์ที่พ่อแม่ผู้ปกครองหลายๆคนมีโอกาสได้อยู่บ้านแบบยาวๆ เด็กๆ เองก็หยุดแบบยาวๆ กัน การมีเวลาว่างๆ ของเด็ก ถ้าเป็นครอบครัวที่สรรหากิจกรรมต่างๆ ได้ทำร่วมกัน ก็จะทำให้เด็กๆ อาจมีเวลาค้นหาตัวตนของตนเองว่าชอบอะไร แต่ในปัจจุบันน่าเสียดายที่เวลาของครอบครัวถูกเบียดด้วยจอสี่เหลี่ยมที่เราเป็นคนพามันเข้าสู่ครอบครัว แล้วทำให้เวลาในการปฏิสัมพันธ์กันในครอบครัวหายไป ทั้งๆ ที่อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน จากสถานการณ์ของการระแพร่ระบาด ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ ปรากฏการณ์ใหม่ๆ หรืออาจเรียกว่าวิวัฒนาการที่ทำให้การดำรงชีวิตของเราเปลี่ยนแบบไปบ้างไม่มากก็น้อย แต่ที่แน่ๆ คือเด็กในรุ่นนี้ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงมาก คงไม่มีพ่อแม่ คนไหนคิิดจะให้บุตรหลานอยู่ภายใต้ปีกที่อบอุ่นของตนเองจนเค้าจากไป เรามีเพียงหน้าที่ที่จะดูแลชี้นำในสิ่งที่ถูกต้องหรือ เลือก#โรงเรียน สังคมให้เขาในวัยเด็กเท่านั้น สิ่งที่เราต้องคิดคือ เราได้เตรียมความพร้อมให้กับเขาสำหรับยุคของการใช AI (Artificial Intelligence) แล้วหรือยัง ยุคของ AI คืออะไร คือยุคที่มีการเปลี่ยนจากแรงงานคนเป็นคอมพิวเตอร์เกือบทั้งหมด คำว่าแรงงานไม่ได้หมายความแค่ผู้ใช้แรงงาน แต่หมายรวมถึงพนักงานทั่วไป ที่จะถูกแทนที่ด้วยระบบที่มีฐานข้อมูลของคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ด้วยความที่เกิดมาในยุคดิจิทัล ทำให้ทุกอย่างต้องรวดเร็ว จึงขาดทักษะของการรอคอย ไม่เห็นคุณค่าของการสิ่งของที่ได้มาเพราะไม่เคยต้องแลกกับการรอคอย หรือการต้องทำบางอย่างเพื่่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ประกอบกับทางเลือกของพ่อแม่ผู้ปกครอง ทำให้เด็กทุกคนกลายเป็นลูกเทวดาในโรงเรียน เพราะโรงเรียนมีการแข่งขันกันสูงจึงถือว่าเด็กนักเรียนเป็นลูกค้า ความพึงพอใจของลูกค้าต้องมาก่อน เมื่อหันไปหาโรงเรียนทางเลือกอย่างโรงเรียนอินเตอร์ ซึ่งในช่วงของปฐมวัยจนจบระดับประถมศึกษา เน้นการเรียนแบบ child center นั่นคือแบบบูรณาการที่เราคุ้นเคย การเรียนขึ้นอยู่กับความสนใจของเด็ก บางโรงเรียนการบ้านเป็นแบบ optional คือส่งหรือไม่ส่งก็ได้ กลับกลายเป็นทำให้เด็กขาดวินัยอย่างรุนแรง สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้เด็กในยุค 4.0 กลับกลายเป็นการบ่มเพาะความเปราะบางทางด้านอารมณ์ ขาดวินัย ไร้ความพยายาม ไม่มีความอดทน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่สามารถทำให้เขาเติบโตในยุคของการแข่งขันกับเทคโนโลยีได้เลย ดังนั้น อย่าให้เขาต้องเผชิญปัญหาในขณะที่เขาไม่สามารถแก้ไขนิสัยได้ เราซึ่งเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง เป็นผู้ที่วางกรอบให้ แต่ไม่ได้มีหน้าที่ในการตีกรอบ วางให้เขาอยู่ในระเบียบวินัย ใส่ทักษะของการรอคอย ปล่อยให้เรียนรู้ที่จะผิดหวัง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม สร้างภูมิต้านทานให้เขาได้ก้าวเดินอย่างมั่นคงในเวลาที่เขาต้องเดินโดยไม่มีไหล่คุณให้เกาะ..#เรามีสิทธิเลือกเส้นมางให้ลูก #เลือกผิด = เหนื่อยเพิ่มขึ้น#เลือกถูก = อนาคตที่ดีของลูกเรา#สถาบันคิดสแควร์
Apr 18
Do you know me?
Have you ever heard my name?
Have you ever seen me?
I think some of you have heard my name for 3 months. I would
like to introduce myself that I am a kind virus with white sphere, yellow
protein coated with lipid and spikes as crowns as my name. I am as small
hundredth as bacteria so the scientists need to use electron microscopes to see
me.
why I can go around the world quickly
(pandemic)?
When I go inside your body, I takes 3 days that you
have not any symptoms. Arter that stage the disease common symptoms include
fever, cough and shortness breath occurs.Not only the symptoms of the disease
takes time but also there are 4 out of 5 who are attacked but have no symptom.
In that group of they can be the accidentally carriers.
I come out with the patients’ droplets produced by
coughing, sneezing and or talking.I can survive on any surfaces up to 72 hours,
people may become infected by touching that surfaces and then touching their
bodies.
Human body is the right habitat (house) to grow
cause there are lots of food to have, warm to live. So I can duplicate (double)
amounts of my new bodies there, my favourite place is red blood cell which
normally hold oxygen to our whole body from lung. When I get there your red
blood cell called`Hemoglobin` is blocked so your respiratory (breathing) system
is failured.
Now I think it’s all about me. Next time I will
tell you more about the things that make me leave and how to far away from
me….
See you then..
Mar 01
สถานการณ์ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันแล้วว่าโลกของเราอยู่ในภาวะที่มีการระบาดของโรค
COVID 19
ก่อนหน้านี้ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่สามารถรับมือกับภาวะการระบาดของโรคอยู่ในลำดับต้นๆ
จนกระทั่งเมื่อสายของวันนี้ ที่มีข่าวของการเสียชีวิตของผู้ป่วย COVID 19 ทำให้เกิเความตื่นตระหนกกันมากขึ้น
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากได้ตามข่าวจะพบว่า
สถานการณ์การควบคุมโรคระบาดของจีนมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
มีจำนวนผู้ป่วยลดลงเรื่อยๆ แต่ในทางกลับกัน การระบาดในประเทศต่างๅ กลับมีอัตราการแพร่ระบาดที่สูงขึ้น เราอาจจะต้องทบทวนเรื่องการจัดการที่แตกต่างกัันระหว่างจีนกับเราสักหน่อยมั้ย
เพราะเรื่องของยารักษา หมอบ้านเราคิดได้ก่อนจีนซะอีก
คราวนี้มาพิจารณาความแตกต่างของการจัดการมันแตกต่างกัน
ที่ทำให้ประเทศจีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้
เนื่องจากประเทศจีนเป็นสาธารณรัฐซึ่งทุกคนอยู่ภายใต้กฎและเงื่อนไขเดียวกันโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ
ทั้งสิ้น หลังจากการแพร่ระบาดอย่างหนักประเทศจีนสั่งปิดประเทศ
งดการเดินทางเข้า-ออก นอกจากนี้แล้วหลายๆ มณฑลที่มีการแพร่ระบาด
ก็ถูกห้ามการเดินทางเข้า-ออก จากพื้นที่ดังกล่าวด้วยเช่นกัน การเดินทางออกจากบ้านจะออกจากบ้านได้อาทิตย์ละ2 วันเท่านั้น
และการออกจากเคหะสถานต้องมีการสวมหน้ากากอนามัยเท่านั้น
หากไม่สวมหน้ากากอนามัยก็ไม่สามารถออกจากบ้านได้
นอกจากนี้แล้วโรงงานอุตสาหกรรมหลายๆ แห่งที่ถูกย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศจีน
(เนื่องจากประเทศจีนมีทั้งวัตถุดิบและแรงงานที่มีราคาถูก)
มีกฏว่าจะสามารถเดำเนินการผลิตได้ก็ต่อเมื่อพนักงานสวมหน้ากากอนามัยในการทำงานทุกคนและทุกวัน
ในขณะที่บ้านเรา การเดินทางเข้า-ออกเป็นอิสระ
ไม่ว่าคุณจะไปประเทศกลุ่มเสี่ยงสักกี่ี่รอบ คุณก็สามารถเดินผ่านเข้า ต.ม. ได้ง่ายดายเกินไป
และคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวจึง ซึ่งเกิดเป็นความประมาท
(เช่นเดียวกับเรื่องฝุ่น ซึ่งมันยังไม่ได้หายไปไหน
แต่เราไม่ได้รู้สึกว่ามันเดือดร้อนแล้วในวันนี้ จริงๆ
แล้วมันอยู่ในทางเดินหายใจของคนกรุงเทพทุกวัน แล้วมันค่อยๆทำให้ระบบภูมิต้านทางของเราลดลงเรื่อยๆ)
เมื่อเปิดข่าวเช้า จะได้ข่าวการระบาดเริ่มไปทางซีกตะวันตกเพิ่มขึ้น
ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่ามันไกลตัวเราออกไปแล้ว ยิ่งทำให้คนส่วนใหญ่ละเลยและประมาท
ร่วมกับการขาดสำนึกของการอยู่ร่วมกัน ยิ่งทำให้การแพร่ระบาดของโรคถูกบิดเบือนไป
รวมกับความไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานของภาครัฐที่มีการปล่อยผ่านนักท่องเที่ยวกลุ่มเสี่ยงกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า
เข้ามาตามด่านต่างๆได้อย่าง่ายดาย
หากเราไม่ร่วมด้วยช่วยกันสอดส่องดูแล
ทั้งตัวเราเอง และคนใกล้ชิด ไม่ให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มเสี่ยง
เราจะกลายเป็นภาระให้กับหมอที่ปกติก็แทบไม่มีเวลาให้กับครอบครัวอยู่แล้ว
ให้ความยุติธรรมกับหมอ กับ พยาบาล
ที่เค้าไม่ได้มีส่วนร่วมในการเดินทางสุดหรรษาของคุณเลย
แต่เค้ากลับต้องเป็นด่านหน้ารับเชื้อต่่อจากคุณทั้งหลาย เพื่อ……….
เพียงเพราะ…………
#อย่าเห็นแก่ตัว ..
#อย่าเป็นภาระให้สังคม
#เริ่มจากดูแลตัวเองเราจะผ่านมันไปได้
#ด้วยความห่วงใย
#สถาบันคิดส์สแควร์
Feb 10
#นี่เราอยู่ระหว่างสงครามรึปล่าวเนี่ จากเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้วต่อเนื่องมาเรื่อยๆ เราคงต้องย้อนกลับมาดูกันหน่อยมั้ยว่า โครงสร้างทางสังคมของเรามันผิดเพี้ยนไป ลักษณะเด่นของความเป็นคนไทยเป็นคนอ่อนน้อม ถ่อมตน รู้จักผิดชอบชั่วดี มีน้ำใจ เนื่องจากเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ แต่หลังจากเหตุการณ์ข่าวต่างๆที่ได้ยินอย่างต่อเนื่อง ทั้งฆาตกรต่อเนื่อง นายสมคิด , ผ.อ. กอล์ฟ คดีปล้นทอง, ไอซํืหีบเหล็ก และล่าสุดนายทหารคลั่งที่โคราช เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นแนวโน้มของสังคมที่ใช้ความรุนแรงโดยขาดความยั้งคิด ในแต่ละคดีที่เกิดขึ้น เกิดจากความโลภ ใช้เงินเกินรายได้ที่มี อยากได้รับการยอมรับนับหน้าถือตา ประกาศให้ทุกคนรู้เรื่องความสุขของตนในการใช้ชีวิตหรูหราบนสังคมออนไลน์ โดยการกู้หนี้ยืมสิน เมื่อถูกทวงหนักเข้าก็หาทางออกโดยการก่อคดีปล้น เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการเท่านั้น คดีของไอซ์หีบเหล็ก เป็นอีกคดีสะเทือนใจ จากข่าวที่มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ต้องถุูกฆ่า แล้วศพก็ถูกอำพรางโดยการใส่หีบเหล็กทิ้งไว้ในบ่อน้ำในบ้านที่ตนเองอยู่ โดยที่ไม่รู้สึกถึงสิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไป แต่กลับก่อเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากคำให้การของคนที่ทำงานกับทางครอบครัวของไอซ์ อาจวิเคราะห์ได้ใว่าเค้าขาดการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่ ไม่มีใครคอยอบรมบ่มนิสัย ประกอบกับการติดยาเสพติด ทำให้สมองในส่วนของความรู้จักยั้งคิดหายไป ใช้สัญชาตญาณในการดำรงชีวิตเพียงอย่างเดียว คดีสุดท้าย คือคดีของนายทหารคลั่ง เป็นคดีที่สะเทือนใจที่สุดเพราะผู้ก่อคดีเป็นคนในเครื่องแบบ ซึ่งหน้าที่ของทหารคือป้องกันอริราษฎร์ศัครู แต่ในครั้งนี้ ทหารเองเป็นผู้หันปลายกระบอกปืนเข้าหาประชาชนที่ไม่ได้รู้เรื่อง เพียงเพราะคุณคิดว่าคุณอยู่ในโลกของเกมส์ออนไลน์ โดยที่คุณปล้นอาวุธครบมือ พร้อมอุปกรณ์ป้องกันตัว แล้วลงใน fb ประกาศตนว่ามีใครจะกล้าลุยกับคุณมั้ย นี่คือผลของจินตนาการจากเกมส์ออนไลน์ที่ออกมาบนโลกของความเป็นจริงกับคนอายุ 32 ที่มีวุฒิภาวะ โศกนาฏกรรมครั้งนี้ที่เกิดขึ้นมันชี้ชัดแล้วว่า จินตนาการในเกมส์ออนไลน์ การฆ่าเป็นการเก็บแต้ม การขโมยอาวุธ เพื่อให้การเก็บแต้มมีประสิทธิภาพ คงเห็นแล้วนะว่าเกมส์ไม่ใช่เรื่องเล่นๆอีกแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้น.มันเกิดขึ้นกับคนที่มีวุฒิภาวะแล้ว แต่ถ้าคุณจะยังคงส่งเกมส์ลักษณะนะให้กับบุตรหลานที่ยังไม่มีวุฒิภาวะ ก็คงจะมีข่าวอาชญากรรมเกิดขึ้นไม่ใช่แค่รายวันแล้ว คงต้องตามกันเป็นรายชั่วโมง … ใส่ใจบุตรหลานของตนเองเถอะคะ ให้เวลากับเค้า อย่าให้เครื่องมือสื่อสารมาแทนทีี่เวลาของครอบครัว ที่เหลือจากหลังเวลาเลิกงานที่เหลือไม่ถึง 10 ชัวโมง มานั่งพูดคุยสารทุกข์สุกดิบ เล่าประสบการณ์ของแต่ละวัน เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ สิ่งที่ลูกทำผิดก็อบรม สอนเค้า เรื่องการใช้ความรุนแรงต้องสอนลูก หรือให้เค้าได้แสดงความคิดเห็นหากจะมีการเปลี่ยนแปลง บางอย่าเล็กๆ น้อยๆ ให้เค้าได้รู้ว่าเค้าเป็นส่วนหนึ่งและมีความสำคัญในครอบครัว แล้วเค้าจะไม่ไปพยายามเป็นคนสำคัญนอกบ้าน ไม่ไปแสวงหาความรักจากที่อื่น ถ้าที่บ้านมีให้เค้าจนเต็ม…. #ในนามสถาบันคิดสแควร์ขอแสดงความเสียใจกับครอบผู้เสียชีวิตในทุกๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น #ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานทุกท่านที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องทุกชีวิต #อยากให้เกิดขึ้นอีกเลย #เคารพด้วยหัวใจ #สถาบันคิดสแควร์
Jan 30
Posted by malinee on Thursday Jan 30, 2020 Under ข่าวการศึกษา
ครูได้มีโอกาสคุยกับเด็ก ม.ปลาย หลายๆ คน หลายๆ ครั้งที่ได้คุยกันเรื่องการเลือกเรียนต่อในมหาวิทยาลัย คำตอบที่ได้กลับมาคือ การอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ ค่านิยมดังกล่าวเกิดขึ้น เนื่องจากการที่เด็กมีความรู้สึกว่าการเรียนต่อต่างประเทศเป็นการอัพเกรดให้ตนเองเมื่อจบมาจะได้มีเงินเดือนที่สูงกว่าการเรียนในประเทศ หรือส่วนใหญ่ประเมินว่าตนเองจะไม่สามารถเข้าเรียนในสาขาวิชาที่ตนเองต้องการในประเทศได้ ที่จริงแล้วการเรียนต่อต่างประเทศที่จะทำให้ได้เงินเดือนที่สูงขึ้นได้ เพราะการเรียนต่อในแบบดังกล่าวเป็นการสอบชิงทุน ซึ่งการสอบชิงทุนนั้นจะต้องผ่านการสอบคัดเลือกที่เลือกเฟ้นผู้เรียน ที่มีความรับผิดชอบในการเรียน และะความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง โดยการเรียนดีอาจเป็นสิ่งเดียวที่เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเด็กคนนั้นมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง (มาตรฐานของคนไทย) เพราะเด็กไทยไม่ต้องรับผิดชอบหน้าที่ด้านอื่น ส่วนการเรียนต่อต่างประเทศ โดยใช้ทุนของตนเอง อาจเป็นเพราะลดภาวะการสอบแข่งขันให้กับบุตรหลาน..เช่นใน การเรียนหมอ ..คำตอบของเด็กหลายๆ คนว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร คำตอบที่เราได้รับจะหนีไม่พ้น หมอ หรือ ครู แต่เมื่อเด็กโตขึ้น ความอยากเป็นครูจะหายไป เหตุผลคือ ผลตอบแทน และการเป็นที่ยอมรับในสังคม ความเป็นหมอมีมากที่สุดในสังคมไทย จึงทำให้เด็กหลายคนรวมทั้งพ่อแม่อยากให้ลูกเป็นหมอ..ซึ่งการเรียนในสายแพทย์ในเมืองไทย แน่นอนจะต้องเรียนในสายวิทย์-คณิต แต่ที่มากกว่านั้นคือความเพียร ความช่างสังเกต การจดบันทึก ความมีระเบียบวินัยความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ และความพยายามในการแก้ปัญหา ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้มักจะถูกฝึกจากการเรียนที่ค่อนข้างหนักในสายวิทย์-คณิต แต่ไม่ได้หมายความว่าการเรียนในสายอื่นไม่มีสิ่งต่างๆ เหล่านี้ การสอบคัดเลือกเข้าเรียนโรงเรียนแพทย์ในรอบแรก (รอบ portfollio) จะต้องมีเกรดเฉลี่ย 3.5 ขึ้นไป และส่งผลของการสอบ Bmat และ ภาษาอังกฤษ ตามที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด ในขณะที่การเรียนต่อโรงเรียนแพทย์ในต่างประเทศ ต้องการเกรดเฉลี่ย3.0 โดยที่เด็กไม่จำเป็นต้องเรียนวิทยาศาสตร์ทั้ง3 ตัว(และไม่มีสายวิทย์ คณิต)เหมือนบ้านเรา การเรียนวิทยาศาสตร์ เป็นการเลือกเรียน2 ใน3 ตัวเท่านั้น เนื่องจากในต่างประเทศมุ่งเน้นให้เด็กรู้จักตัวตนก่อน แล้วจึงเลือกเรียน จึงไม่มีการเลือกสาย เหมือนบ้านเรา ทำให้เด็กส่วนใหญ่ไม่ค่อยเลือกเรียนในด้านวิทยาศาสตร์ เพราะเป็นวิชาที่ยากกว่าการเรียนภาษา ดังนั้นการเลือกเรียนหมอที่เมืองนอกจึงง่ายกว่าเมืองไทย ถ้าพูดถึงการสอบคัดเลือกในกาเรียนหมอเมืองไทยเข้มกว่ามากเพราะเข้มและยากกว่านี่เองทำให้เด็กที่จบหมอจากบ้านเรามามีเก่งในทุกด้านและความรักและภูมิใจในอาชีพ และบ้านเราจะได้หมอที่มีฝีมือที่ดีมากไม่แพ้เมืองนอกเลย.. จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่ว่าระบบการศึกษาของบ้านเราล้มเหลวแต่เพียงเพราะค่านิยมของคำว่า จบจากเมืองนอก หรือไปเรียนเมืองนอกทำให้เด็กไทยพยายามหาทางไปเรียนต่อต่างประเทศซึ่งจริงๆแล้วการศึกษาบ้านเราเก่งไม่แพ้ใครเพียงแต่เด็กในรุ่นหลัง ขาดความอดทน พ่อแม่ตามใจ พอเจอการเรียนที่ยากหน่อย ก้อไม่พยายามสู้ มีฐานะหน่อยก้อหาทางลัดให้ลูกจบได้ง่ายกว่า จึงทำให้ค่านิยมนี้ยังอยู่กับเด็กไทยไปทุกยุคทุกสมัย. สุดท้ายนี้ครูอยากฝากถึงเด็กม.ปลายทุกคนที่กำลังจะเลือกคณะเข้ามหาวิทยาลัย มันคือ ประตูก้าวแรกที่เราจะเลือกในการดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเลือกสายไหน อาชีพไหนก็ตาม..ขอแค่หาตัวเองให้เจอ และที่สำคัญ เป็นคนดีของสังคม… #เรียนเมืองไทยภูมิใจกว่าเยอะ . #เด็กไทยเก่งไม่แพ้ชาติไหน .. #เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ .. #สถาบันคิดสแควร์
Dec 10
Posted by malinee on Tuesday Dec 10, 2019 Under เกร็ดความรู้
เนื่องจากครูมีโอกาสได้เข้าไปเป็น out source ของโรงเรียนหลายๆ แห่ง ก็จะได้เห็นวัฒนธรรมการดูแลเด็กในแต่ละโรงเรียน การปฏิบัติต่อผู้ปกครอง การให้คำปรึกษา การเรียนการสอน นโยบาย ของแต่ละโรงเรียนที่มีความแตกต่างกัน ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้การเรียนการสอนในแต่ละโรงเรียน ทำให้ครูต้องปรับการเรียนการสอนแปรผันตามความพร้อมของเด็ก ไม่ใช่ว่าเด็กมีการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน แต่เด็กได้รับการฝึกทักษะกล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน เด็กแต่ละคนมีความเป็นปัจเจกบุคคล ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่เค้าเติบโตมาตั้งแต่เค้าเกิดมา เด็กที่อยู่ในครอบครัวที่คุยเล่นกัน มีอะไรคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันบนโต๊ะอาหาร โดยทิ้งทุกอย่าง มีแต่การสนทนากัน จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าความของความสุขเกิดขึ้นจริงๆ บ้านคือบ้าน ไม่ว่าเค้้าจะมีปัญหาสักแค่ไหน เค้าจะกลับมาตรงนี้ ตรงที่มีคนฟังเค้า ในทางกลับกัน ถ้าเค้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทุกคนไม่พูดไม่จากันก้มหน้าก้มตา online อยู่กับสิ่งที่ตัวเองสนใจ เขาก็จะเติบโตมาแบบไม่ได้รู้สึกว่าการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างเป็นเรื่องปกติ กลายเป็นเด็กเก็บตัว คุณพ่อคุณแม่จะไม่มีทางได้รับรู้ว่าเค้ามีความสุขหรือเค้ามีปัญหาเรื่องอะไร เพราะเค้าไม่เคยเรียนรู้ที่จะพูดเรื่องอะไรตอนไหน ไม่รู้ว่าจะมีใครฟังหรือไม่ ในบ้านเองเขายังไม่รู้จะพูดกับใครเลย มันกลายเป็นการสร้างกำแพงขึ้นเมื่อเขาโตขึ้น เขาไม่ได้ถูกสอนให้เข้ากลุ่มเพื่อน เพราะคุณเป็นสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เค้าได้เรียนรู้การอยู่แบบทางเดียวคือการสื่อสารผ่าน social ที่เค้าไม่เคยเห็นเลย อย่าเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้เค้า ก่อน เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดของเค้าเพื่อให้เค้าได้เติบโตอย่างมีความสุขไม่ว่าเค้าจะเจออุปสรรคใดๆ อย่างน้อยคุณยังเป็นสิ่งแวดล้อมที่ทำให้้เค้ารู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้ง และเป็นกำลังใจให้เค้าได้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง ไม่มีโรงเรียนไหนดีเท่าโรงเรียนพ่อแม่หรอก…. เชื่อสิ
Oct 27
การเรียนคณิตศาสตร์เป็นยาขมของเด็กๆ
หลายคน พ่อแม่ผู้ปกครอง หลายๆ ครอบครัวก็ตระหนัก และหาวิถีทางแก้ไข
โดยหาที่เรียนให้กับบุตรหลานว่า เพื่อนๆ เขาเรียนกันที่ไหนถึงทำให้เรียนได้ดี
ก็แห่ตามกันไปเรียน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผลการเรียนไม่ดีขึ้น ก็เปลี่ยนที่เรียนไปเรื่อยๆ
จนเกิดเป็นปัญหาเรื้อรัง ส่งผลให้บุตรหลานหนีและต่อต้านการเรียนคณิตศาสตร์ทุกวิถีทางที่จะทำได้เช่นกัน
การแก้ไขปัญหาด้านคณิตศาสตร์กับเด็กในแต่ละวัย
จะใช้เวลาแตกต่างกัน สิ่งที่สำคัญคือความร่วมมือระหว่างผู้ปกครอง เด็ก และครูผู้สอน
ที่จะต้องให้เวลาซึ่งกันและกันในการร่วมกันแก้ปัญหา หากขาดความร่วมมือจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ก็ไม่มีทางเกิดสัมฤทธิผลที่ดีได้ ปัญหาที่เกิดกับเด็กประถมต้น ใช้เวลาไม่นานนัก
เพราะปัญหาของวัยนี้
เกิดเนื่องมาจากทัศนคติที่เกิดจากตัวผู้สอนมากกว่าปัจจัยด้านอื่น
หากปัญหาในประถมต้นไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาก็จะสืบเนื่องต่อยาวไปจนถึงมัธยม
จนกลายเป็นการวางแผนการเรียนในอนาคตว่าจะหลีกหนีการเรียนคณิตศาสตร์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
โดยไม่ได้คำนึงถึงอย่างอื่น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ไม่ว่าการเลือกเรียนในสายสามัญ (ซึ่งไม่ใช่สายวิชาชีพ) นั้น
ไม่ว่าจะเลือกแผนศิลป์ภาษา ก็จำเป็นที่จะต้องเรียนคณิตศาสตร์
แต่หน่วยกิตที่เรียนน้อยกว่าแผนเรียนสายอื่น ทำให้เวลาเรียนน้อยกว่าสายอื่นด้วยเช่นกัน
เมื่อมองต่อไปถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เขาก็จะเลือกคณะที่ไม่ต้องลงเรียนคณิตศาสตร์อีกเช่นกัน ซึ่งมีให้เลือกไม่ถึง 10
คณะในประเทศไทย ซึ่งแนวโน้มของเด็กทั่วโลกก็เป็นแนวโน้มนี้เช่นเดียวกัน
กลายเป็นว่าเด็กที่จบมาในสายอาชีพเดียวกันมีอยู่ล้นตลาดแรงงาน
โดยที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ (English Second Language) จะเกิดความเสียเปรียบทางด้านภาษาอีก
ควบรวมกับการเลี้ยงดูที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่มีวุฒิภาวะ หากคุณเป็นผู้ประกอบการในยุค
4.0 (คำยอดนิยม) คุณจะเลือกบุคลากรประเภทไหนเข้าทำงาน
ในขณะที่คุณมีตัวเลือกอยู่เต็มตลาดแรงงานไปหมด
หากมองเห็นอนาคตเช่นนี้แล้ว เราลองมาช่วยกันทำให้เด็กๆ
ของเราไม่หนีเลขกันดีกว่ามั้ย หรือร่วมกันแก้ปัญหากันตั้งแต่เนิ่นๆ
เพื่อไม่ให้เค้าเป็นหนึ่งในตัวที่ไม่ถูกเลือกในอนาคต……..