หลาย ๆ ท่านคงได้ทราบข่าวเกี่ยวกับเด็กนักเรียน 7 คนที่ถ่ายรูปโชว์ส่วนสัด แล้วโพสต์รูปลงในเฟสบุ๊ค แล้วเกิดเป็นข่าวใหญ่โต เนื่องจากสังคมอินเตอร์เน็ตเป็นสังคมที่กว้างและรวดเร็ว จึงทำให้มีหน่วยงานราชการหลาย ๆ หน่วยงานต้องออกมาเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และพยายามที่จะแก้ปัญหา (ปลายเหตุ) หากเรามาลองทบทวนเหตุการณ์หรือภาพข่าวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมิวสิควีดีโอ คันหู ซึ่งเป็นที่แพร่หลายกันอยู่พักใหญ่ , คลิปเด็กหญิงกลุ่มหนึ่งที่รุมทำร้ายเด็กหญิงอีกหนึ่งคน ในห้องเรียน หรือแม้กระทั่งนักศึกษาหนุ่มที่ล่อลวงนิสิตที่รู้จักกันผ่านสังคมออนไลน์ ไปเรียกค่าไถ่ จนสุดท้ายนิสิตสาวก็ถูกฆ่าตาย จะพบว่าสังคมไทยกำลังเสื่อมลงเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าการปกครองทั้งในระดับครอบครัวและระดับประเทศเกิดปัญหาที่รุนแรง โดยไม่มีใครใส่ใจแก้ไขกันอย่างจริงจัง

การปกครองในระดับครอบครัว เรามักจะพบว่า ครอบครัวในยุคใหม่มักเป็นครอบครัวเดี่ยว พ่อแม่ทำงานทั้งสองคน ในช่วงวัยเด็กก่อนวัยเรียน เด็กก็จะอยู่กับพี่เลี้ยง ซึ่งมักตามใจเด็ก หากเขาอยากได้อะไรก็ต้องตามใจ หากขัดใจก็จะงอแง กรีดร้อง สิ่งที่เด็กจะได้เรียนรู้ ก็คือ ความงอแง หรือการกรีดร้องเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ หากครอบครัวใดมีลูกคนเดียว เด็กจะกลายเป็นผู้นำกฎในบ้าน นั่นคือเด็กสามารถจะทำทุกอย่างที่ตนเองต้องการ และไม่ทำทุก ๆ อย่างที่ตนเองไม่ต้องการ ทำให้กฎระเบียบภายในบ้าน ไม่สามารถนำมาใช้กับเจ้าตัวน้อยได้ หากปล่อยให้เด็กประพฤติตนในแบบดังกล่าว ก็จะกลายเป็นการบ่มเพาะนิสัยเอาแต่ใจตนเอง ยากในการปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่มีกฎระเบียบ หรือเมื่อเข้าโรงเรียนก็จะไม่เป็นที่ยอมรับให้เข้ากลุ่ม ซึ่งมีผลให้เด็กเก็บตัว หรือเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวขึ้น หากบางครอบครัวที่ไม่สามารถจ้างพี่เลี้ยงได้ ก็จำเป็นที่จะต้องส่งเข้าสถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน ซึ่งการส่งเด็กเข้าไปในสถานรับเลี้ยงเด็กนั้น อาจทำให้เขาเหล่านั้นมีทักษะทางสังคม และการใช้กล้ามเนื้อมือที่ดี แต่ในเวลาที่เขาอยู่กับพ่อแม่ อาจทำให้เขาเรียกร้องความสนใจ ซึ่งอาจแสดงออกมาในลักษณะของพฤติกรรมด้านลบ (บางรายอาจแกล้งพูดไม่ชัด , ทะเลาะกับเพื่อนหรือน้อง)หากพ่อแม่ไม่รู้เท่าทันไปตอบสนองกับความประพฤติในทางลบดังกล่าว ก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เด็กเกิดพฤติกรรมดังกล่าวมากขึ้น สิ่งที่ควรทำคือการเพิกเฉยต่อพฤติกรรมด้านลบ และให้คะแนนหรือคำชมกับพฤติกรรมทางบวก เนื่องจากเด็กก่อนวัยเรียนนั้นต้องการความรัก ความเอาใจใส่ ดูแลจากพ่อแม่ หากพฤติกรรมใด ได้รับความสนใจหรือการตอบสนองไม่ว่าจะบวกหรือลบ เขาถือว่ามันคือความสนใจที่เขาได้รับ

เรามักพบว่าในช่วงปฐมวัย เด็กจะบ่มเพาะพฤติกรรมที่เป็นพื้นฐานนิสัยเมื่อโตขึ้น เช่นหากพ่อแม่รู้ไม่เท่าทันพฤติกรรมการเรียกร้อยความสนใจ ความเอาใจใส่จากพ่อแม่ในทางลบ ก็จะบ่มเพาะให้เขาเป็นเด็กที่แสดงออกในด้านลบเพื่อให้ได้รับการตอบสนองในสิ่งที่เขาต้องการ เมื่อโตขึ้นในช่วงวัยรุ่นตอนต้น ซึ่งเป็นวัยที่เด็กมีความต้องการที่จะได้รับความสนใจจากพ่อแม่ก็น้อยลง แต่มีความต้องการการเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อนและสังคม เด็กก็เริ่มที่จะพยายามทำตัวเองให้เด่น เมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ในปัจจุบันเนื่องจากสิ่งเร้าในด้านลบมีมากมายมหาศาล การทำพฤติกรรมในด้านลบจึงดูเหมือนทำงานและได้ผลเร็วกว่าเด็กในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการบ่มเพาะให้มีความแข็งแรงทางด้านสำนึก ศีลธรรม และวัฒนธรรมในทางที่ดี ทำให้เด็กในกลุ่มนี้ขาดความยั้งคิดถึงการกระทำของตนว่าสมควรหรือไม่ ขอเพียงให้สิ่งที่ตนเองกระทำ ได้รับความสนใจจากกลุ่มเพื่อน หรือเป็นที่กล่าวขานก็พอใจแล้ว

กล่าวถึงการปกครองในระดับชาติ ในรัฐบาลต่อรัฐบาล ยังไม่เห็นการแก้ไขปัญหาทางด้านสังคม เยาวชน การศึกษาอย่างจริงจัง ทางภาครัฐมุ่งเน้นแต่ตัวเลขทางเศรษฐกิจ , ค่า GDP มองแต่ภาคอุตสาหกรรม (ซึ่งเราใช้เทคโนโลยีของต่างชาติ 100%) ลืมหันกลับมามองเรื่องของการศึกษาที่ล้มเหลว ต่อเมื่อมีข่าวฉาวหน่วยงานต่าง ๆ ก็จะลุกขึ้นมาวางกรอบแนวทางการแก้ไขในแต่ละครั้งโดยไม่คิดจริงจัง แล้วข่าวก็เงียบหายไป เหมือนสำนวนที่ว่า “วัวหายล้อมคอก”

หากเรายังคงปล่อยให้สังคมเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ โดยไม่คิดที่จะแก้ไขจากตัวเราเองและครอบครัวของเราก่อน ปล่อยการเลี้ยงดูลูกให้กับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เราก็ต้องยอมรับได้ว่าสังคมในอนาคตที่ลูกหลานของเราคงจะมีสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรุนแรงกว่าในปัจจุบันนี้เป็นแน่! หรืออาจจะมีโสเภณีในชุดนักเรียนเกลื่อนเมือง ขโมยที่มีเต็มบ้านเต็มเมือง สถานเริงรมย์ที่เปิดติดกับโรงเรียนอนุบาล มากขึ้นและมากขึ้นต่อไป

Leave a Reply