ประวัติความเป็นมาของลูกคิด

มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการคำนวณ และพัฒนามาใช้อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ลูกหิน  ใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิดจนมาถึงลูกคิดประวัติความเป็นมาของลูกคิดเท่าที่ค้นหาได้  แบ่งออกเป็น 2 แนวทางคือ
แนวทางที่1. กล่าวว่า   จากหลักฐานประวัติศาสตร์พบว่า ลูกคิดเป็นเครื่องคำนวณที่ชาว
จีนใช้กันมากว่า 7,000 ปี และใช้กันในอียิปต์โบราณมากว่า 2,500 ปี
แนวทางที่2. กล่าวว่า   ในระยะ 5,000 ปีที่ผ่านมา มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการคำนวณ และพัฒนา มาใช้อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ลูกหิน ใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิด   ต่อมาประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการ คำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด
ลูกคิดเป็นเครื่องคำนวณเครื่องแรกที่มนุษย์ได้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา ซึ่งถือได้ว่า เป็นอุปกรณ์ใช้ช่วยการคำนวณที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและคงยังใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน   พัฒนาการของอุปกรณ์ในปัจจุบันที่มีพื้นฐานมาจากลูกคิดก็คือ เครื่องคิดเลข และคอมพิวเตอร์
ลูกคิดที่ยังมีใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ คือ ลูกคิดจีน และ ลูกคิดญี่ปุ่น  ลักษณะลูกคิดของจีนมีตัวนับข้างบน 2 แถว ข้างล่าง 5 แถว   ขณะที่ลูกคิดของญี่ปุ่นมีตัวนับข้างบน 1 แถว ข้างล่าง 4 แถว   แม้ลูกคิดจะเป็นอุปกรณ์คำนวณสมัยเก่า แต่ก็มีความสามารถในการคำนวณเลขได้ทุกระบบ

ภาพที่1. ลูกคิดจีน

chinese abacus

ภาพที่2. ลูกคิดญี่ปุ่น

japanese abacus

ภาพที่3. เปรียบเทียบการคำนวณของลูกคิดจีน  ญี่ปุ่น   รัสเซีย

3 types abacus

ภาพที่4. กระดานคำนวณของชาวกรีกโบราณ3 types abacus (2)

3 types abacus (3)
แบบโบราณจากเกาะกรีกของชาวซาลามิสเป็นแผ่นหินอ่อนขนาดยาว 1.5 เมตร เชื่อกัน
ว่าพวกแลกเปลี่ยนเงินตรานำไปใช้ในโบสถ์ ข้อความที่จารึกไว้บนแท่งหินแสดงรายการ
ราคาและชื่อของเหรียญต่างๆ เช่น แดร็กมา แทลเลนส์ และโอโบล เป็นต้น

3 Responses to “ประวัติความเป็นมาของลูกคิด”

  1. แนนนี Says:

    ทำไมลูกคิดถึงต้องมี 13 แถวละค่ะ

  2. แนนนี Says:

    แล้วลูกคิดที่ถูกต้องต้องมี 13 แถวหรือเปล่าค่ะ

  3. malinee Says:

    การใช้ลูกคิดในการเรียนนั้นไม่จำเป็นต้องมี 13 แถวค่ะขึ้นอยู่กับแบบของผู้ผลิต แต่สิ่งที่ลูกคิดเน้นนั้นคือเรื่องของค่าประจำหลักในแต่ละแถว (ซึ่งรวมถึงทศนิยมด้วยค่ะ)

Leave a Reply