ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายๆ คนน่าจะได้รบฟงข่าวสารหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องปฏิญญามหาสารคาม ครูวิภา หรือแม้กระทั่งเสียอ้วน

ในรายละเอียดของแต่ละข่าวนั้น คงได้เป็นที่รับทราบกันตามช่องทางของการข่าวมาบ้างแล้ว เราลองมานั่งวิเคราะห์กันว่า เหตุกาณ์ต่างๆ เหล่านี้ มันบ่งบอกถึงสภาพสังคมที่จิตใจคนในสังคมเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ สาเหตุต่างๆ เกดจากอะไร การที่คณะครู(ที่เคยถูกเรียกว่าเป็นแม่พิมพ์แห่งชาติ เพื่อเป็นต้นแบบแห่งการดำเนินชีวิตให้กับลูกศิษย์) ที่มีการกู้ยืมจากสถาบันการเงินต่างๆ กับพร้อมใจกันปฏิเสธการชำระหนี้ให้กับสถาบันทางการเงิน  ส่วนครูวิภา ซึ่งเป็นแม่พิมพ์ที่ล้ำค่ากับถูกลูกศิษย์ทรพี ที่ทรยศหักหลังโดยการไม่ชำระหนี้ กยศ ซึ่งเป็นกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยที่มีครูวิภาเป็นผู้ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ โดยการใช้ตำแหน่งข้าราชการในการเซ็นค้ำประกัน และในข่าวสุดท้าย เสี่ยอ้วนที่จ้างมือปืนยิงสาวดับที่วัด และทิ้งท้ายว่า อย่าคิดมีเรื่องกับเสี่ย เพราะตำรวจซื้อได้

ความเสื่อมที่เกิดขึ้นนี้ สาเหตุเดียวที่ชี้แจงได้คือ ความไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่รู้จักหน้าที่ของตนเอง ปฏิญญามหาสารคาม เกิดจากกลุ่มคนที่มีเพียงแค่อาชีพของการสอน ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นครู เป็นลูกหนี้ แต่ไม่รับผิดชอบกับหนี้ที่ตนเองก่อขึ้น  ลูกศิษย์เนรคุณก็เป็นบทบาทเดียวกับกลุ่มคนปฏิญญามหาสารคาม แต่ทรพีมากกว่าตรงที่เอาความไว้เนื้อเชื่อใจ และความปรารถนาดีของครูมาเป็นหอกทิ่ทิ่มแทงครู โดยที่ครูไม่รู้ตัว หน่วยงาน กยศ หน้าที่คือการตามลูกหนี้ที่เป็นหนี้หน่วยงาน โดยการตามสืบค้นจากประกันสังคม หรือสรรพากร กลับโยนหนี้ทั้งหมดไปให้กับผู้ค้ำประกัน โดยปล่อยลูกหนี้ให้ลอยนวลเป็นสิบปี หากเรื่องนี้ครูวิภาไม่หมดตัว กยศ คงมีหน้าที่เพียงตามผู้คำประกันให้มาใช้หนี้ที่ตนเองไม่ได้ก่อขึ้น ในรายของเสี่ยอ้วน หากความผิดมากมายที่เสี่ยอ้วนเคยก่อแล้วหลุดคดีได้ เราคงหันหน้าไปพึ่งใครไม่ได้อีก เพราะตำรวจยังซื้อได้ นั่นแปลว่าต่อให้คุณจะกระทำความผิดสักเท่าไร ถ้าคุณมีเงิน คุณก็ไม่จำเป็นต้องถูกดำเนินคดีใดๆ

ไม่มีอะไรที่เจ็บปวดไปกว่าการที่ ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการใช้ตำแหน่งหน้าที่การงาน มารังแกประชาชนที่ไร้ทางสู้ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอยู่เนือง   ๆ และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมที่ขาดศีลธรรม….

Leave a Reply